“กรณ์” เปิดประกันภัยข้าวนาปี 54 เผยวางฐานสู่ประกันพืชหลักอนาคต
“นริศ” เผย 8 บริษัทร่วมโครงการ เกษตรกรซื้อประกันภัยข้าวได้ที่ ธ.ก.ส.ในพื้นที่ 1-31 ก.ค.นี้ ยกเว้นภาคใต้ 1-31 ส.ค. ด้าน 5 หน่วยงานรัฐ-เอกชนเซ็น MOU พัฒนาระบบประกันภัยพืชผลครอบคลุมพืชเศรษฐกิจหลักในอนาคต
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) จัดพิธีเปิดโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2554 ณ พื้นที่เพาะปลูกข้าว บริเวณวัดแป้นทองโสภาราม ซ.หทัยราษฎร์ 39 ถ.หทัยราษฎร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ รวมถึงลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่าง 5 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลให้ครอบคลุมถึงพืชเศรษฐกิจหลักในอนาคต โดยมี นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน และปลัดกระทรวงการคลังร่วมเป็นสักขีพยาน
โดย 5 หน่วยงาน ได้แก่ สศค. กรมส่งเสริมการเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัย
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการ สสค. กล่าวว่าโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาการประกันภัยพืชผล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบวันที่ 3 พ.ค.54 เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างทางเลือกให้เกษตรกรทั่วประเทศใช้เครื่องมือประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติต่างๆ ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย นอกจากนี้ยังสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการโดยรัฐจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยส่วนที่เกินกว่า 60 บาทต่อไร่ จากอัตราเบี้ยประกันภัยสุทธิ 129.47 บาทต่อไร่
ในกรณีที่เกิดความเสียหาย เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยเอกชนเพิ่มเติมจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของรัฐปัจจุบัน โดยจำนวนค่าสินไหมทดแทนจะขึ้นกับระยะการเพาะปลูก โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ 60 วันแรก นับจากวันเริ่มเพาะปลูก จำนวน 606 บาทต่อไร่ และวันที่ 61 ขึ้นไป จนถึงวันสุดท้ายก่อนการเก็บเกี่ยว 1,400 บาทต่อไร่
นายนริศ กล่าวว่าโครงการนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาคมประกันวินาศภัย โดยบริษัทเอกชนผู้รับประกันภัยตามโครงการนี้มีทั้งหมด 8 บริษัท คือ บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ซึ่งได้ยืนยันความพร้อมในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับเอกสารประกอบการจ่ายสินไหมทดแทนครบถ้วน นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ในฐานะผู้บริหารโครงการจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนโครงการจากผู้รับประกันภัยไปยังเกษตรกรทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรรายย่อยให้สามารถเข้าถึงกรมธรรม์ประกันภัยได้อย่างทั่วถึง ได้ยืนยันความพร้อมในการขายกรมธรรม์ซึ่งมีช่วงเวลาสอดคล้องกับช่วงเวลาเพาะปลูกของเกษตรกรในแต่ละภูมิภาค
โดยเกษตรกรในทุกภาคยกเว้นภาคใต้จะสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีได้ที่สำนักงาน ธ.ก.ส. ที่ให้บริการในพื้นที่ที่เกษตรกรมีแปลงเพาะปลูก ตั้งแต่ 1- 31 ก.ค.54 และสำหรับภาคใต้สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค.54
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้สร้างระบบประกันความเสี่ยงสำหรับเกษตรกรผ่านโครงการประกันรายได้ไว้แล้ว อย่างไรก็ดีเนื่องจากเกษตรกรไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติต่างๆ ดังนั้นรัฐบาลจึงได้เพิ่มหลักประกันให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปีเป็นก้าวแรกที่สำคัญของภาคการเงินและภาคการเกษตรในการใช้เครื่องมือประกันภัยที่ภาคเอกชนดำเนินการอยู่แล้วให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด
นายกรณ์ กล่าวต่อว่าเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้เกษตรกรมีหลักประกันเพิ่มเติมที่มั่นคง และสามารถหลุดพ้นจากภาวะหนี้สิน มีเงินทุนเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกในรอบต่อไป และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้โครงการประกันภัยข้าวนาปียังถือเป็นการวางรากฐานสู่การขยายผลการรับประกันภัยไปสู่พืชเศรษฐกิจหลักชนิดอื่นๆในอนาคตอันใกล้ด้วย .