‘อรุณี ศรีโต’ ฝากรบ.ใหม่เดินหน้า ‘กองทุนการออมฯ’ จริงจัง หลังปฏิรูปประเทศ
‘อรุณี ศรีโต’ ฝากความหวังรบ.ชุดใหม่เดินหน้ากองทุนการออมฯ จริงจัง เเต่ให้ปฏิรูปประเทศก่อน ระบุหาก ‘เพื่อไทย’ กลับมาบริหารแล้วจ้องยุบเลิกอีก เตรียมยื่นฟ้องอาญาม.157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
สืบเนื่องจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) มีมีนโยบาย "ยุบเลิก" การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 12 พฤษภาคม 2554 โดยให้ความเห็นว่ากองทุนดังกล่าวมีการทำงานที่ซ้ำซ้อนกับพ.ร.บ.ประกันสังคม มาตรา 40
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้เปิดขอรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพ.ร.บ.ยุบเลิกกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ... แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสรุปผลออกมาให้สาธารณชนรับทราบ กระทั่งรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยุบสภา เมื่อ 9 ธันวาคม 2556 ในที่สุด
น.ส.อรุณี ศรีโต ประธานเครือข่ายบำนาญภาคประชาชน (คบช.) กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า การประกาศยุบสภาของรัฐบาลมีผลให้นโยบายยุบเลิกกอช.ชะงักลง แต่มิได้หายไปไหนเนื่องจากถูกบัญญัติขึ้นตามกฎหมายเเล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการสานต่อนโยบายยุบเลิกกอช.อีกในอนาคต เครือข่ายแรงงานนอกระบบจะรณรงค์ไม่ให้เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลอีก เพราะเห็นว่าพรรคไม่ยอมรับกฎหมายฉบับนี้
เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกเป็นรัฐบาลและสานต่อนโยบายเดิมจะทำอย่างไร ประธานคบช.ระบุว่า ปีที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือต่อศาลปกครองกลาง ฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายสมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ฐานละเลยไม่ดำเนินการเปิดรับสมาชิกกอช.ตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการนัดไต่สวนแต่อย่างใด
“ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลและคิดยุบเลิกกอช.อีกครั้ง เครือข่ายแรงงานนอกระบบยืนยันพร้อมสู้ต่อ และจะยื่นฟ้องทางอาญา ตามมาตรา 157 เพิ่มเติม ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งเชื่อว่ายังสามารถจะดำเนินการได้อยู่” น.ส.อรุณี กล่าว และว่าพร้อมกันนี้จะตั้งคำถามไปยังพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งว่ามีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับกอช. เพื่อตัดสินใจลงคะแนนเสียงให้ หากแต่ทั้งนี้ ก่อนจะให้นโยบายของเราขับเคลื่อนต่อไป คงต้องกลับมาสนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
สำหรับประเด็นกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยหวั่นหากปล่อยให้จัดตั้งกอช.ขึ้น จะสร้างฐานคะแนนเสียงให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ออกกฎหมายฉบับนี้ ประธานคบช. ตอบว่า รัฐบาลคิดมากเกินไป ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ที่เดินหน้าจัดตั้งกอช.ตามกฎหมายต่างหากที่จะได้ฐานคะแนนเสียงมากกว่าผู้ออกกฎหมาย ฉะนั้นจึงมองว่าพรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาลคิดเล็กคิดน้อย มักนำเรื่องการเมืองมาปะปนจนทำให้คนจนเสียโอกาส
“สมมติดิฉันออมปี 2555 ทั้งสิ้น 1,200 บาท รัฐสมทบอีก 1,200 บาท สรุป 1 ปี ฉันต้องมีเงินสะสม 2,400 บาท และปี 2556 อีก 2,400 บาท แต่ 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีการจัดตั้งกอช.ขึ้น ส่งผลให้สูญเสียเงินสะสมไป 4,800 บาท” น.ส.อรุณี กล่าว และว่า ยิ่งปัจจุบันฉันอายุ 60 ปี แล้วทำให้หมดสิทธิทันที เพราะกฎหมายระบุไว้ห้ามผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี สมัครกอช. ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยต้องสูญเสียสิทธิ หนึ่งในนั้นเป็นแรงงานนอกระบบที่มีราว 24 ล้านคน
ประธานคบช. ยังฝากทิ้งท้ายให้รัฐบาลชุดใหม่บังคับใช้กฎหมายกอช.อย่างจริงจัง พร้อมกันนี้เห็นควรให้หยิบยกประเด็นสังคมหลายเรื่องขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ เช่น การดูแลผู้สูงอายุ ที่คาดว่าในอนาคตจะเกิดปัญหามาก โดยการหาวิธีรับมือและทำให้ผู้สูงอายุทุกคนดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีในสังคมได้ด้วยการมีส่วนร่วมผ่านการออมเงิน อีกทั้ง สนับสนุนให้เกิดการผลักดันนโยบายลดความเหลื่อมล้ำด้วยการออกกฎหมายอัตราภาษีก้าวหน้าเพิ่มเติมด้วย .