‘เอ็นนู’ ยันธ.ก.ส.ปล่อยกู้ชาวนา 5 หมื่นบ./ราย ไม่เกี่ยวจำนำข้าว
‘เอ็นนู ซื่อสุวรรณ’ ยันธ.ก.ส.ปล่อยกู้ชาวนา 5 หมื่นบาท/ราย ดอกเบี้ย 7% ไม่เกี่ยวโครงการจำนำข้าว ระบุเป็นเงินช่วยเหลือของธนาคารเอง
จากกรณีชาวนาได้นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำ และได้รับใบประทวนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล จนสร้างความเดือดร้อนในวงกว้างนั้น
ล่าสุด มีกระแสข่าวธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยเงินกู้ โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวนาเบื้องต้น และมีบางเสียงเห็นว่า ธ.ก.ส. ไม่ควรคิดดอกเบี้ยเพิ่ม หรือหากคิดควรเป็นเพียงดอกเบี้ยต้นเงินเพียงร้อยละ 3.50 ต่อปีเท่านั้น ส่วนค่าบริหารจัดการที่เหลือ รัฐบาลควรเป็นผู้รับผิดชอบ
ประเด็นดังกล่าว นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ อดีตรองผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ชาวนาประสบปัญหามีค่าใช้จ่ายจากการทำนา ดังนั้นหลายคนจึงคาดหวังจะนำเงินจากโครงการรับจำนำข้าวมาหมุนเวียน แต่เมื่อรัฐบาลไม่มีเงินให้ ธ.ก.ส.จึงจำเป็นต้องช่วยเหลือในฐานะลูกค้าของธนาคาร โดยให้สิทธิ์กู้เงินได้ไม่เกิน 5 หมื่นบาท/ราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี
ส่วนกรณีชาวนาตัดพ้อต้องเสียเงินค่าดอกเบี้ยนั้น อดีตรองผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวว่า การกู้เงินดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชาวนา แต่เนื่องด้วยบางคนอาจไม่มีเงินต้องกินต้องใช้ ดังนั้นธนาคารจึงอนุมัติเงินกู้ให้เพียงคนละไม่เกิน 5 หมื่นบาท เพื่อให้มีกินมีใช้ไปก่อน โดยถือเป็นการช่วยเหลือของธนาคารเอง ไม่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวและการจำนำใบประทวน เพราะหากเกี่ยวพันกับโครงการจะมีความผิด ทั้งนี้ยืนยันธ.ก.ส.มีเงินเพียงพอสำหรับการให้กู้เงินส่วนนี้
“บังเอิญเกิดปัญหากับโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลที่ตั้งเงื่อนไขไว้ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท รัฐบาลไม่ได้ขยายวงเงิน ก็ไม่มีเงิน เพราะรัฐบาลไม่ขายข้าว ถ้าขายข้าวก็จะมีเงินหมุนเวียนกลับมา แต่เมื่อไม่ขายก็ไม่มีเงิน มีแต่รับเข้ามาตลอด เพราะว่าวงเงิน 5 แสนล้านบาท คือวงเงินในการหมุนเวียน เวลาจำนำเข้ามาแล้วก็ต้องขายข้าวออกไป แล้วนำเงินก้อนใหม่ที่ขายข้าวได้มาจ่ายกับชาวนารายใหม่ ฉะนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่การจัดการของรัฐบาล” นายเอ็นนู กล่าว
เมื่อถามว่าหากรัฐบาลไม่สามารถจะหาเงินคืนธ.ก.ส.ได้จะทำอย่างไร อดีตรองผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวว่า รัฐบาลต้องหาวิธีแก้ไขด้วยตนเอง เพราะรัฐบาลได้ผูกโครงการรับจำนำข้าวไว้หมดแล้ว ฉะนั้นก็จะต้องแก้ไขเอง
ภาพประกอบ:เว็บไซต์ไทยพับลิก้า