ยกการชุมนุม กปปส. "ที่สุด" ของข่าวปีมะเส็ง
ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ผู้คนแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน การทำงานของสื่อมวลชน ที่ต้องนำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และต้องเป็นการสร้างสรรค์ ช่วยให้สังคมเกิดความสันติ กลับเป็นไปอย่างยากลำบาก บ้างถูกค่อนแคะสื่อฟรีทีวีตายแล้วบ้าง สื่อรัฐเอาใจแต่รัฐบาล ขณะที่สื่อกระแสหลักก็ไม่ทำงาน
ลองไปฟังมุมมองสื่อมวลชน เขาเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
“สำหรับกระแสร้อนฟรีทีวีตายแล้ว คงไม่ถึงขั้นตาย เพียงแต่การนำเสนอข้อมูลยังติดอยู่ในกรอบ คำนึงถึงความเป็นเจ้าของและผู้สนับสนุน ผมเชื่อว่าถ้ามีทีวีดิจิตอลจะปลดพันธนาการกรอบเดิมๆของฟรีทีวีได้ เพราะจะเป็นยุคที่สู้กันด้วยข้อมูลที่ลึกและรวดเร็ว”
นายเทพชัย หย่อง กรรมการบริหารเครือเนชั่น
" ไม่ว่าอย่างไรสื่อทีวีหรือสื่อกระแสหลักยังคงมีบทบาทสำคัญเพราะเข้าถึงคนใน วงกว้างได้เป็นจำนวนมาก และยังคงได้รับการเชื่อถืออยู่ ที่ผ่านมาอาจจะถูกตั้งคำถามในการทำหน้าที่ แต่สิ่งนี้จะมีผลเชิงบวกและทำให้สื่อเกิดการปรับตัว ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์และรอบด้าน มากขึ้น ที่ผ่านมาอาจจะกลัวเลยเทน้ำหนักไปฝั่งรัฐบาล แต่เชื่อว่าขณะนี้ดีกว่าที่ผ่านมาแม้อาจจะไม่ดีที่สุด”
นายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการบริหาร นสพ.โพสต์ทูเดย์
"สถานการณ์ การรายงานข่าวการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นช่วงพิสูจน์ของแต่ละองค์กรที่มีความท้าทาย สถานการณ์เหล่านี้จะทดสอบสื่อ และนี่เป็นจุดเปลี่ยนของสื่อที่จะต้องเผชิญกับการรายงานข่าวแบบใหม่ มีความยืดหยุ่น และไม่ติดอยู่ในโครงสร้างเดิมๆ”
ขณะที่สุดของข่าวในรอบปี 2556 สื่อมวลชนทั้ง 3 ท่านเห็นตรงกัน และยกให้กับข่าวการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) ที่สามารถเรียกคนออกมาเดินได้นับล้านคน
นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่า หากมองย้อนไปเคยมีข่าวเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก แต่ไม่ได้รับความสนใจ นี่คือปรากฎการณ์ที่ทำลายสถิติเพราะมีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในรอบปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวไหนเกินข่าวนี้แน่นอน
ส่วนนายเทพชัย เห็นสอดคล้องด้วยเพราะว่า มีการตื่นตัวของประชาชน และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แม้สิ้นปีนี้การชุมนุมจะยังไม่จบ รวมทั้งเป็นบทพิสูจน์ว่าคนในสังคมจะเป็นพลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้
ด้านนายภัทระ คำพิทักษ์ มองเห็นข่าวการชุมนุมเป็นการแสดงออกของประชาชนจำนวนมหาศาลซึ่งไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตยที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศ เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม