'เนาวรัตน์' ชี้ถึงเวลาสังคายนาสังคมใหม่ ปฏิรูประบบที่ไม่ชอบธรรมทั้งหมด
เนาวรัตน์ ชี้คำ 'ปฏิรูป' ถูกบิดเบือนความหมาย แนะสังคายนาสังคมใหม่ รื้อระบบไม่ชอบธรรม เร่งสางระบบรัฐสภา-พรรคการเมือง-การเลือกตั้ง –สื่อ-การศึกษา ติงนักวิชาการตรรกะวิบัติ ไม่จับแก่นแท้ความเป็นธรรม-ชอบธรรม
นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์ และอดีตประธานกรรมการเครือข่ายศิลปินเพื่อการปฏิรูป ในคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) กล่าวกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ถึงการปฏิรูปว่า เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมานานแล้ว ขณะนี้ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นความเป็นความตายของชาติ
"ผมเบื่อคำที่ใช้ซ้ำๆ ว่าปฏิรูป เพราะมีการทำให้ความหมายมันเสียไป ทุกวันนี้คำว่า ปฏิรูป ถูกบิดเบือนมาก ผมอยากกลับไปใช้คำเก่าว่า 'สังคายนาสังคมใหม่' ด้วยการปฏิรูประบบที่ไม่ชอบธรรมทั้งหมด"
นายเนาวรัตน์ กล่าวถึงประเด็นที่ต้องมีการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน ได้แก่ 1.ระบบรัฐสภา 2.ระบบพรรคการเมือง 3.ระบบการเลือกตั้ง เหล่านี้เป็นปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงต้องปฏิรูปสื่อให้เป็นของมวลชนจริงๆ ไม่ใช่ของนายทุน ภาครัฐหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง และที่สำคัญต้องปฏิรูปการศึกษา
"ที่บ้านเมืองฉิบหายทุกวันนี้ เพราะคนไม่รู้ รู้ไม่เท่ากัน สิ่งที่ควรรู้ก็ไม่รู้ เป็นอย่างคำโบราณที่ว่า การศึกษานั้นแพง แต่ความไม่รู้นั้นแพงกว่า ที่ทุกวันนี้หายใจแพงเพราะความไม่รู้ เอาคนไม่รู้มาทำหน้าที่ เอาคนไม่รู้มาเป็นเหยื่อ และเอาความไม่รู้มากอบโกย
ส่วนนักวิชาการก็ตรรกะวิบัติ เพราะไม่จับแก่นแท้ของความเป็นธรรมและความชอบธรรม ผมว่าเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทำประการแรกๆ"
ส่วนจะเริ่มต้นอย่างไรนั้น นายเนาวรัตน์ เห็นว่า หากรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมยังรักษาการ ไม่ปล่อยมือ และท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังไม่ลงตัวจะมีการเลือกตั้งได้อย่างไร สังคมต้องเดือดร้อน วุ่นวายอย่างแน่นอน และท้ายที่สุดผลจะเหมือนเดิม ควรที่จะตกลง จับเข่าคุยก่อน และต้องไม่ใช่การปฏิรูปเฉพาะฝ่ายตนเท่านั้น
"กระบวนการเช่นนี้เคยทำได้มาแล้วในสมัย 'สภาสนามม้า' แต่ภาวะขณะนี้ต้องใช้สถานการณ์ใหม่ ทำความเข้าใจตกลงให้เป็นที่ยอมรับให้ได้ อย่างไรก็ตามผมยังเห็นว่าควรต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะซ้ำรอยเดิม"
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา ได้หยิบยกบทกวีของ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่เขียนถึงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ มาดังนี้
นี่เป็นการต่อสู้กับอำนาจรัฐ
อำนาจซึ่งสารพัดมีพร้อมพรั่ง
ทั้งอาวุธกองทัพสรรพกำลัง
มีกระทั่งกฎหมายไว้ตีความ
ทำไมต้องสู้กับอำนาจรัฐ
สารพัดที่คนตั้งคำถาม
คำตอบคือ เพราะรัฐพึงประณาม
ไม่ทำตามกติกาที่ตั้งไว้
หนึ่งใช้การเลือกตั้งมาบังหน้า
เพื่อเข้ามากุมอำนาจด้วยบาตรใหญ่
ทำหน้าที่ตัวแทนทุกทีไป
จะแก้ ไขฟอกผิด ให้พวกตัว
สองอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน
วางแผนซ้อนซ่อนแผนอุบาทว์ชั่ว
ผลประโยชน์เบื้องหลังอย่างน่ากลัว
ยังพันพัวรุกฆาตอาจไพล่พลิก
สามเป็นรัฐฆาตกรไม่ซ่อนเขี้ยว
แสยะเคี้ยวกระหยิ่มพลางหางกระดิก
ล้วนหน้าเนื้อใจเสือระเรื่อระริก
พร้อมจะจิกพร้อมจะจ้วงทุกช่วงตอน
นี่เป็นการปฏิเสธอำนาจรัฐ
ต้องขัดขืนยืนหยัดไม่ย่อหย่อน
รัฐหุ่นเชิด ขายชาติ ฆาตกร
ต้องถั่งโถมโรมรอนให้สุดแรง
........................................
อยู่ดีดีจะมีหรือ
ที่แสนมือจะกำหมัด
ปากกู่ตะโกนชัด
ว่าออกไป ออกไป
ฝนตกก็ตากฝน
ทั้งแดดเดือดก็ทนได้
อยู่ดีดีจะมีไหม
มาเกลื่อนกองกันกลางถนน
ใครเล่าที่อำมหิต
ก่อวิกฤตด้วยเล่ห์กล
ปล้นชาติประชาชน
ไปเฉยเฉยไม่รู้ไม่ชี้
ใครเล่าเอาเงินฟาด
เอาบาตรใหญ่เข้าย่ำยี
ผูกขาดอำนาจผี
เข้าเกาะกินถึงวิญญาณ
ให้เห็นดีและเห็นงาม
ไปกับทุนอันสามานย์
โจราภิวัฒน์ผลาญ
ทั้งผู้คนและแผ่นดิน
ดับเหตุที่ต้นเหตุ
บ่งเสี้ยนเศษให้หมดสิ้น
ขุดโคตรพวกโกงกิน
ไล่..ออกไป..ไล่...ออกไป!
........................................
เพราะไม่เคยฟังเสียงประชาชน
ฟังแต่คนรอบข้าง ล้วนกร่างกล้า
ที่ล้อมหน้าล้อมหลังประดังประดา
เอมอำนาจวาสนาบารมี
สื่อสาธารณ์ พาลกระแชงตะแคงข้าง
ล้วนชูหัวฟาดหางเอาข้างสี
วิทยุ ยุแยงตะแบงตี
ทั้งทีวี นํ้าเน่า ก็เป่ามนต์
ประชาชนเป็นใคร จึงไม่รู้
ประชาอยู่ที่ไหน ไม่เห็นหน
สื่อปิดหู ปิดตา ประชาชน
สังคมคน กินคน คือกลไก
สังคมเลวทำคนให้เป็นผี
สังคมดีทำผี เป็นคนได้
ทุกวันนี้ผีปอบมันครอบไทย
คนจัญไร หน้าด้าน กินบ้านเมือง
ได้อำนาจ ลุอำนาจ หมดอำนาจ
ประวัติศาสตร์ ซํ้าซํ้า ตำนานเนื่อง
แต่ล้วนเรื่องเดียวกัน เป็นฟันเฟือง
นั่นคือเรื่อง ไม่ฟังประชาชน