อาจารย์-นศ.นิติฯ มธ.ให้กำลังใจ “กิตติศักดิ์” หลังถูกอายัดบัญชี
อาจารย์-นักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มธ.เข้าให้กำลังใจ “กิตติศักดิ์ ปรกติ” หลังถูกดีเอสไออายัดบัญชีเงินฝาก พร้อม "มอบพระนิรันตราย-ตั้งกระปุก 1 บาท" เป็นเชิงสัญลักษณ์
วันที่ 23 ธันวาคม 2556 เวลา 16.00 น. ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) วิทยาเขตท่าพระจันทร์ อาจารย์และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มธ. ที่รวมตัวกันในชื่อกลุ่ม “เพื่อนกิตติศักดิ์” นำโดยนายสหธน รัตนไพจิตร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. รวมตัวกันให้กำลังใจนายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกพร้อมอายัดบัญชีเงินฝาก
นายสหธน กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการให้กำลังใจนายกิตติศักดิ์ที่ถูกดีเอสไออายัดบัญชีเงินฝากอย่างไม่เป็นธรรม โดยจะมีการมอบสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ 2 อย่าง 1.มอบพระนิรันตรายเพื่อให้นายกิตติศักดิ์รอดพ้นอันตราย และ 2.มอบกระปุกออนสินเพื่อให้นักศึกษาและอดีตนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มธ.ได้ช่วยกันหยอดคนละ 1 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นายกิตติศักดิ์
“ส่วนนักศึกษาคณะนิติฯ ที่มาให้กำลังใจ แม้บางคนจะเห็นด้วยกับกลุ่มนิติราษฎร์ หรือคนเสื้อแดง ก็ยังมาร่วมให้กำลังใจอาจารย์กิตติศักดิ์ เพราะไม่เห็นด้วยกับการสั่งอายัดบัญชีเงินฝากของดีเอสไอ” นายสหธนกล่าว
นายวัชรพล ชินเจริญกิจ บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวว่า แม้ตนจะต่างกับข้อเสนอของนายกิตติศักดิ์หลายๆ ประเด็นทั้งเรื่องนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 หรือเรื่องประชาธิปไตยทางตรง แต่เมื่อนายกิตติศักดิ์ถูกดีเอสไออายัดบัญชีเงินฝาก ตนก็เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจที่เกินเลย เพราะการที่นายกิตติศักดิ์ไปขึ้นปราศรัยบนเวที เป็นการไปตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ขึ้นไปปลุกระดมแต่อย่างใด
“พอผมรู้เรื่องจากอาจารย์สหธน ก็รีบกระจายข่าวในเฟซบุ๊กที่เราตั้งกรุ๊ปนิติศาสตร์ มธ.ขึ้นมา ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ราว 5 พันคน จากนั้นแต่ละคนก็บอกต่อๆ กันไปว่าจะมีการให้กำลังใจอาจารย์กิตติศักดิ์ มีสัญลักษณ์สำคัญก็คือการหยอดกระปุกบริจาคให้อาจารย์ คนละ 1 บาท ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เพื่อตอบโต้การอายัดบัญชี และเพื่อแสดงให้เห็นว่า แม้จะถูกอายัดบัญชี แต่อาจารย์กิตติศักดิ์ก็มีเงินบริจาคจากพวกเรา” นายวัชรพลกล่าว
นายอุดม รัฐอมฤต อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวว่า การที่นายกิตติศักดิ์ออกไปมีบทบาท เป็นการแสดงความคิดเห็นเพื่อสังคม ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ดังนั้นการที่ไปอายัดบัญชีเงินฝาก ตนสงสัยว่าเป็นมาตรการที่เกินเลยไปหรือไม่