ดร.สมชัย ยกผลวิจัยชี้คนส่วนใหญ่เลือกส.ส.จากนโยบายพรรค-ใกล้ชิดชุมชน
‘สมชัย จิตสุชน’ ไม่ฟันธงออกนโยบายประชานิยม ถือเป็นหนึ่งในการซื้อสิทธิ์ขายเสียง สัญญาจะให้หรือไม่ ยกผลวิจัยชี้คนส่วนใหญ่เลือกส.ส.จากนโยบายพรรค-ใกล้ชิดชุมชน ระบุรักษาการรบ.อนุมัติโบนัสข้าราชการ แนะกลับไปดูประกาศก่อนหรือหลังยุบสภา
ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ต่อประเด็นนโยบายประชานิยมกับการซื้อเสียงทางอ้อมในระบบการเลือกตั้งปัจจุบันว่า การโกงหรือไม่โกงการเลือกตั้งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับนโยบายประชานิยม ทั้งนี้ มีงานวิจัยที่พบประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกส.ส.จากนโยบายของพรรคและความใกล้ชิดกับชุมชนเป็นหลักและมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงน้อยลงกว่าแต่ก่อน
กรณีเครือข่ายภาคประชาชนออกมาค้านการจ่ายโบนัสข้าราชการอาจเข้าข่ายซื้อสิทธิ์ขายเสียงทางอ้อมหรือไม่ นักวิชาการทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า สามารถจะมองได้ว่า เหตุใดรักษาการรัฐบาลจึงต้องออกนโยบายดังกล่าวในช่วงนี้ ซึ่งจำเป็นต้องกลับไปดูประกาศดังกล่าวมีก่อนยุบสภาหรือไม่ เพราะหากมีจะไปกล่าวหาไม่ได้ว่า เป็นนโยบายประชานิยมที่เอื้อทุจริตการเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นประกาศหลังจากยุบสภาแล้วอาจจะทำให้เกิดข้อครหาได้เช่นกัน ทั้งนี้จะต้องดูข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ดร. สมชัย กล่าวถึงนโยบายประชานิยมหลายโครงการ เช่น โครงการรับจำนำข้าวที่มีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องมานานยังไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ ฉะนั้นหากต่อไปรัฐบาลจะออกนโยบายประชานิยมอีกควรจะลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า การขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน ตอบโจทย์ดังกล่าว
ขณะที่ รศ.วิทยากร เชียงกูล ผอ.ศูนย์วิจัยทางด้านสังคมศาสตร์ ม.รังสิต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Witayakorn Chiengkul ถึงการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 นั้น สำหรับคนที่คิดว่าถ้ากกต,ทำงานเข้มแข็ง หรือให้ทหารไปช่วยดูแลการเลือกตั้ง หรือแม้แต่ให้ต่างชาติมาช่วยสังเกตการณ์เลือกตั้ง แล้วเราจะได้ส.ส.และรัฐบาลที่ดีขึ้นนั้น สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องมาโกงที่หน่วยเลือกตั้งแล้ว เพราะมีระบบการจัดตั้งหัวคะแนน ผู้อยู่ใต้อุปถัมภ์ เจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นพวก การสื่อสารจูงใจให้คนติดนโยบายประชานิยม และติดความหวังลม ๆ แล้งที่มีประสิทธิภาพและแนบเนียนมาก
"สมมุติว่ามีเจ้าหน้าที่สหประชาชาติหรือองค์กรต่างชาติมาสังเกตการณ์เลือกตั้งจริง ก็คงรายงานว่าการเลือกตั้งของไทยเรียบร้อย ยิ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลและส.ส.ที่มาจากการซื้อเสียงและการหลอกประชาชนให้หลงเชื่อ"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานี สมาคมสิทธิผู้บริโภค และเครือข่ายพิทักษ์สิทธิพลเมือง ได้เข้ายื่นหนังสือเป็นจดหมายร้องเรียน กกต. ขอให้ดำเนินการพิจารณา ระงับการกระทำ กรณีที่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ได้มีมติจัดสรรเงินรางวัลเป็นโบนัสประจำปีงบประมาณ 2555 ให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ และบุคคลภาครัฐ ด้วยงบประมาณ รวม 3,745 ล้านบาท อีกทั้งยังพบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดย เฉพาะกรุงเทพมหานครนั้น ยังได้เตรียมพิจารณาแจกโบนัสแก่บุคลากรในอัตรา 1.5 เท่าของเงินเดือนด้วย ซึ่งถือเป็นการนำงบประมาณแผ่นดินที่ได้มาจากการจัดเก็บภาษีของประชาชนทั้งประเทศมาเป็นการตอบแทนให้ข้าราชการที่มีสวัสดิการต่าง ๆ แล้ว โดยเป็นการขัดต่อหลักกฎหมาย หลักธรรมาภิบาล และหลักจริยธรรม
และยังเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(2) และ (4) ร่วมทั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ด้วย เนื่องจากมองว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น ส่งผลให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนั้น เป็นไปด้วยความไม่โปร่งใสและเที่ยงธรรมได้ จึงขอให้พิจารณาระงับการดำเนินการดังกล่าวภายใน 7 วัน และให้มียุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องด้วย
ขณะที่เว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง ลงประกาศชี้แจงการจ่ายเงินรางวัลประจำปีให้กับข้าราชการว่า กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการโอนเงินรางวัลให้กับส่วนราชการเสร็จสิ้นแล้ว ตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน 2556 ก่อนวันมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา