ดร.สุเมธ ห่วงสถานการณ์ทุจริต แนะรู้จักหยุดเพื่อประเทศ
ดร.สุเมธ ห่วงปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ไทยฝังรากลึก แนะรู้จักพอ ยึดความดี คุณธรรม จริยธรรมเป็นหลักทำธุรกิจ
วันที่ 16 ธันวาคม 2556 ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ สร้างประเทศไทยให้โปร่งใส เตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตอนหนึ่งว่าทุกวันนี้รู้สึกเศร้า สังเวช โกรธ และเศร้าใจ ที่เห็นคนใส่เสื้อยืดที่มีคำว่า 'คนไทยไม่โกง' หมายความว่าทุกวันนี้คนไทยดำเนินชีวิตกันอย่างไร จนวันหนึ่งถึงต้องตราลงในเสื้อว่าจะไม่โกง แสดงว่าโกงมาจนกระทั่งว่าทนไม่ไหวแล้ว ถึงต้องเขียนประโยคนี้ขึ้นมาเตือนสติ และประจานสิ่งที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่
"วันนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ความชั่วร้ายนี้ได้ครองแผ่นดินไปหมด การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดทุกย่อมหญ้า และไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกธุรกิจ เสมือนว่าคนที่อยู่ในแผ่นดินนี้เข้าไปอยู่ในกระบวนการนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะขยับไปที่ไหน ทำอะไร จะเจอสิ่งต่างๆ เหล่านี้"
ดร.สุเมธ บอกว่า ประการแรกที่ควรต้องทำขณะนี้ คือต้องรู้จักหยุด อย่าเพลิน นึกว่าวันนี้คือเมื่อวาน เคยมีคนเคารพบูชาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว วันนี้จะยังเหมือนเดิมหรือไม่ และคุณสมบัติที่ควรมีคือ คุณธรรม จริยธรรม และมีสติกับตัวตลอดเวลา รวมถึงรู้จักตนเองว่ากำลังทำอะไร รู้จักประเทศว่าควรเดินไปทิศทางไหน
"มนุษย์เหมือนสัตว์ แต่ว่าแย่กว่า เพราะสัตว์หิวก็กิน แต่พออิ่มก็หยุด จะมีกักตุนก็เล็กน้อย แต่มนุษย์หิว กระหาย แสวงหา แต่อิ่มแล้วยังเก็บต่อ แสวงหาต่อ สะสมต่อ มีคำที่ฝังอยู่ในจิตใจ จิตวิญญาณว่าว่า 'ไม่พอ' ยิ่งในฐานะที่ผมเคยเป็นอดีตเลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผมยิ่งได้เจอของจริง" ดร.สุเมธ กล่าว และว่า คนไทยมีบุญที่ได้สัมผัสบทเรียนของจริงมาแล้วทั้งสิ้น แต่มีบาปคือ ไม่จำ
"ประเทศไทยแสวงหาความร่ำรวยจนประสบความสำเร็จ ในปี 2537-2539 ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสูง 11.2-11.7% ทุกคนสนุกสนาน มีกิเลสตัณหาหนา แต่เป็นการโตบนฟองสบู่ที่เด็กเป่าเล่น และด้วยสติปัญญาของเด็กก็นึกว่าโตจริง พอถึงวันฟองสบู่ระเบิด สุดท้ายขาดทุน 5.8 หมื่นล้านบาท ก็ไม่เหลืออะไร เป็นการโตที่ไม่ใช่ของจริง โตโดยไม่มีฐาน ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เคยตรัสว่า เราโตเหมือนบ้านหลังใหญ่ ที่สร้างไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ฝังเสาเข็ม ถึงวันนึงก็ล้มครืนลง ดังนั้น อย่างคิดเพ้อเจ้อไขว่คว้าอะไรมากมาย อย่าคิดรวบยอดทุกอย่าง อย่าคิดกวาดทั้งหมด เพราะยิ่งโตยิ่งล้มดัง"
ดร.สุเมธ กล่าวต่อว่า ควรใช้ความดีนำความเก่ง เพราะหลายครั้งที่คนเก่งแล้วโกง โกงแบบที่จับไม่ได้ ซึ่งพบตัวอย่างได้รอบๆ ตัว จากนั้นค่อยถามตัวเอง เราเก่งอะไร แล้วเลือกทำในสิ่งที่เก่งและถนัด รวมถึงต้องมีความดีเป็นพื้นฐาน มีคุณธรรม จริยธรรม ที่หมายถึงความดีและความถูกต้อง ใครที่แยกแยะดี-เลวไม่ได้ ความเป็นมนุษย์ก็ไม่เหลือแล้ว
"ความถูกต้องไม่ได้มีแต่ในตัวบทกฎหมายเท่านั้น แม้แต่ในความรู้สึกและประเพณี กาลเทศะก็คือความถูกต้อง รวมถึงต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รู้จักเสียสละ และแบ่งปัน รักษาโลก รักษาประเทศก่อน ทุกอย่างถึงจะคงอยู่ได้ หรือจะใช้โลกใบนี้อย่างไม่นึกถึงลูกหลาน จะส่งต่อโลกสกปรก เว้าแหว่งเป็นมรดกให้ลูกหลานหรือ ไม่อายหรือ อย่าพูดคำว่ายั่งยืนโดยไม่ปฏิบัติ มิฉะนั้นจะเป็นมนุษย์ที่เนรคุณต่อแผ่นดิน ซึ่งผมว่ามันบาปมาก"