“เจิมศักดิ์” ให้คะแนนจำนำข้าว-ประกันราคา-บัตรเครดิตชาวนา
นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ชี้ “บัตรเครดิตชาวนา” เป็นดาบสองคม หนุนการลงทุนแต่ส่งเสริมให้ฟุ้งเฟื้อ ฟันธง “จำนำข้าว” รัฐ-เกษตรกรเจ๊ง ผู้ส่งออกได้กำไร ให้คะแนน “ประกันราคา” แต่ต้องทำให้ผู้ซื้อแข่งขัน แนะให้เงินเอื้อส่งออกเหมือนยุโรป
วันที่ 22 มิ.ย. 54 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (แอลดีไอ) และเครือข่ายพลเมืองอภิวัฒน์ จัดเวทีพลเมืองอภิวัฒน์ คนเปลี่ยน ประเทศเปลี่ยน “20 คมความคิด 20 ปฏิบัติการเปลี่ยนประเทศ” โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ บรรยาย “ย้อนรอยบัตรเครดิตชาวนา จำนำ–ประกันรายได้ ทางรอดหรือหายนะ?” ว่า หลักคิดของบัตรเครดิตคือการซื้อของโดยธนาคารที่ออกบัตรเป็นผู้จ่ายเงินแทนผู้ซื้อก่อนแล้วใช้คืนภายหลัง เป็นการกู้เงินรูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่ของฟรีก็ช่วยชาวนาระดับหนึ่งเพราะอย่างน้อยคือเงินตัวเองที่นำไปลงทุนไม่ต้องกู้ยืมจากคนอื่น แต่หากกู้แล้วไม่งอกเงย ก็ไม่มีประโยชน์
“เครดิตชาวนาจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเงินที่กู้มาลงทุนนั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีและการวางระบบว่าจะลงทุนอะไร อย่างไร ตลาดเป็นอย่างไร แต่ต้องระวังว่าบัตรอาจทำให้คนฟุ้งเฟ้อ ถ้ามีแค่บัตรก็เหมือนแค่ยืมเงินตัวเองไปใช้ไม่กี่วันต้องใช้คืน แต่ถ้ามีแล้วทำให้ขายได้ มีกำไร ก็ดีไป”
ส่วนการจำนำข้าว ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่ามีแต่เจ๊งกับเจ๊งเพราะทำให้กลไกตลาดบิดเบือน ยิ่งกำหนดราคาจำนำสูงกว่าราคาขายยิ่งทำให้ถูกกดจากผู้ส่งออก ยกตัวอย่างราคาจำนำ 12,000 บาท ราคาตลาด 10,000 บาท ชาวนาก็ไม่ขายนำไปจำนำหมด สุดท้ายเม็ดข้าวที่เข้าสู่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจะมีมหาศาล พอไม่รู้จะขายใคร ก็ต้องขายผู้ส่งออกในราคาต่ำ เพราะข้าวมีปัจจัยอ่อนไหวเสื่อมสภาพได้ง่าย
“มีแต่ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่ได้กำไร คนที่ตายคือรัฐและชาวนา รัฐมีปัญญาไหมที่จะประกันได้ทุกคน เป็นไปไม่ได้ คนที่ได้คือพรรคพวกกันและโรงสีที่เอาข้าวจากชาวนาไปจำนำตัวเอง ขณะเดียวกันธนาคารที่รับจำนำก็ซวยไปด้วยต้องเก็บข้าวไว้เพื่อทำให้เสื่อมแล้วค่อยขาย”
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นโยบายประกันรายได้ หน่วยงานของรัฐไม่ต้องซื้อข้าวเพียงแต่จ่ายเงินประกันให้ตามการประเมินตลาดในแต่ละช่วง หากชาวนาขายข้าวได้มากกว่าราคาประกันก็เป็นผลดีไป แต่ชาวนารายใหญ่อาจได้ประโยชน์กว่ารายเล็ก หากเลือกจำนำตายอย่างเดียว
“ที่คุยว่าถ้าจำนำข้าวแล้วราคาจะสูงก็โกหกทั้งเพ เพราะข้าวแปรผันตามราคาตลาดนอกประเทศ ชาวนาไม่มีอำนาจต่อรอง สิ่งที่ทำได้และเห็นว่าเป็นประโยชน์คือการทำให้ผู้ซื้อแข่งขัน อย่าให้รัฐ โรงสี หรือผู้ส่งออกผูกขาดขายให้ต่างประเทศแพง แต่ซื้อเราต่ำด้วยเหตุผลว่าเราไม่มีทางเลือก”
ดร.เจิมศักดิ์ ยังกล่าวว่ารูปธรรมที่ประเทศในแถบยุโรปทำคือนโยบายให้เงินอุดหนุนการส่งออก หมายถึงว่าหากราคาลงก็มีเงินส่วนต่างแถมให้ผู้ส่งออกไป ซึ่งหากมองผ่านๆเหมือนเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออก แต่ในทางปฏิบัติจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแย่งซื้อข้าวภายในประเทศมากขึ้นในกรณีที่ราคาข้าวตก ซึ่งวิธีเช่นนี้คนไทยไม่กล้าเสี่ยง.