"ครูหยุย"เผยนาทีระทึก!!บุกช่วย"เด็ก"ก่อนถูกใช้เป็นกันชนม็อบปิด"พม."
"..มีการนำเด็กเข้ามาตั้งแต่วันพุธ (27 พ.ย.56) โดยข้าราชการชั้นผู้น้อยถูกสั่งการให้พาเด็กเข้ามาเพื่อป้องกันไม่ให้ม็อบบุกกระทรวงพัฒนาสังคมฯ อย่างไรก็ตามข้าราชการทนไม่ได้จึงถ่ายรูปและแจ้งให้กรรมการสิทธิมนุษยชน และตนเพื่อช่วยเหลือเด็ก.."
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ “ครูหยุย” เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ที่มีนางปวีณา หงสกุล ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะมีความพยายามที่จะนำเด็กกำพร้าจำนวนหนึ่ง ไปรวมตัวอยู่ที่กระทรวงฯ เพื่อเป็นกันชน ในช่วงที่กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลยกขบวนไปปิดล้อมกระทรวงฯ ว่า มีการนำเด็กเข้ามาตั้งแต่วันพุธ (27 พ.ย.56) แล้ว
โดยได้รับการยืนยันว่า ข้าราชการชั้นผู้น้อยถูกสั่งการให้พาเด็กเข้ามาเพื่อป้องกันไม่ให้ม็อบบุกกระทรวงพัฒนาสังคมฯ
อย่างไรก็ตามข้าราชการทนไม่ได้จึงถ่ายรูปและแจ้งให้กรรมการสิทธิมนุษยชน และตนเพื่อช่วยเหลือเด็ก
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า หลังจากทราบเรื่องจึงได้ประสานกับมูลนิธิอื่น ๆ 3 – 4 ที่ และเข้าไปช่วยเหลือเด็กทันที และประกาศว่าถ้ามีม็อบมาบุกก็จะไม่ให้เด็กออกไปเผชิญหน้า
ส่วนกรรมการสิทธิฯ ได้โทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่ภายในกระทรวง หลังจากนั้นผู้ใหญ่ก็ประกาศห้ามให้เด็กออกไปเผชิญหน้ากับม็อบ และให้ส่งเด็กกลับคืน
โดยล่าสุดเด็กกำพร้าเหล่านี้ได้กลับไปหมดแล้ว
เมื่อถามว่าเด็กกำพร้าดังกล่าวมาจากไหน นายวัลลภ กล่าวว่า มาจากสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี เนื่องจากใกล้ที่สุด
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าจะมีการนำเด็กจากมูลนิธิอื่นเข้ามาอีก แต่เผอิญว่าเรื่องแดงขึ้นเสียก่อน จึงมีคำสั่งยกเลิกไม่ให้พาเด็กมา
เมื่อถามว่าการกระทำดังกล่าวผิดหลักสิทธิเด็กหรือไม่ นายวัลลภ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของจิตสำนึก และต้องปล่อยให้เกิดการ Sanction (ลงทัณฑ์) จากสังคมเอง เนื่องจากสังคมมีหน้าที่ในการคุ้มครองเด็ก ยิ่งเป็นเด็กด้อยโอกาสยิ่งต้องปกป้องเป็นสองเท่า และจะมาละเมิดเองเสียไม่ได้ ดังนั้นต้องให้สังคมจัดการ
“อย่างน้อยเหตุการณ์นี้ก็เป็นบทเรียนไปถึงกระทรวงอื่น ๆ ที่คิดจะนำเด็กมาเป็นเครื่องมือ และคราวนี้น่าจะมีสามัญสำนึกบ้างแล้ว” นายวัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่ากระทรวงพัฒนาสังคมฯ มีหน้าที่ดูแลสิทธิเด็ก แต่กลับนำเด็กมาบังหน้าแทน นายวัลลภ กล่าวว่า มันอยู่ที่สามัญสำนึกของแต่ละบุคคล
ยังดีที่เรื่องนี้แดงขึ้นมาได้เพราะมีข้าราชการบางคนมีสามัญสำนึกอยู่บ้างว่าทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง และเขาก็ทนไม่ได้จึงต้องถ่ายรูปไว้ และแจ้งมายังตนเพื่อขอความช่วยเหลือ