เปิดใจ ‘อรรคพล สรสุชาติ’ ในวันที่ดูไบ คว้าเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020
“ถ้าถามว่า ผมผิดหวังไหม ผมรู้สึกผิดหวังกับการที่ไทยถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป เนื่องจากปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การส่งเอกสาร แต่ปัญหาอยู่ที่ "ไม่มี" รัฐมนตรีคนใดในรัฐบาลชุดนี้ให้คำยืนยัน จนกระทั่งเขามีหนังสือทวงถามผ่านเอคอัครราชทูตไทยในกรุงปารีสขณะนั้น โดยให้เวลายืนยันถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่รัฐบาลก็ไม่ตอบ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า การไม่ตอบของรัฐบาลในครั้งนี้ ไม่ตอบเพื่อให้ดูไบชนะในวันนี้หรือไม่”
ภายหลังจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอาชนะเมืองคู่แข่งอย่าง บราซิล รัสเซีย และตุรกีได้ โดยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป หรือการแสดงนิทรรศการนานาชาติ 2020 ซึ่งประเทศไทยเองก็เคยเสนอชื่อในการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป และเป็นหนึ่งในคู่แข่งของ นครรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาประเทศไทยถูกตัดสิทธิ์จากการโหวตในรอบสุดท้าย ซึ่งล่าสุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นั้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ก็ลุกขึ้นชี้แจงในสภาฯ ต่อกรณี ดร.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หยิบยกมาอภิปราย ว่า ที่ประเทศไทยไม่เข้ารอบ เพราะส่งเอกสารไม่ครบถ้วน
เมื่อผลการตัดสินเป็นที่สิ้นสุดออกมาว่า "ดูไบ" ได้เป็นเจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 เรื่องนี้ทำให้คนไทยหลายคนอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า เรื่องระดับชาติ ผลประโยชน์ของชาติเช่นนี้ จะมีเบื้องลึกอะไรมากกว่านี้หรือไม่
"สำนักข่าวอิศรา" สัมภาษณ์นายอรรคพล สรสุชาติ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ซึ่งรู้เรื่องนี้ดีที่สุด
@ ล่าสุดผลการคัดเลือกออกมาแล้ว ดูไบได้เป็นเจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โปถือว่าเกินความคาดหมายหรือไม่
จริงๆ คิดตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่า คู่แข่งของเรา คือ ดูไบ เพราะเราแข่งขันกันมาตลอด 12 ปี
และเมื่อผลการประกาศออกมาว่า ดูไบได้เป็นเจ้าภาพงานเวิลด์เอ็กซ์โป ผมไม่ได้รู้สึกว่า มันเกินความคาดหมาย เพราะคิดว่า ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
@ ถ้าเรามีสิทธิ์เสนอชื่อเราอาจจะชนะดูไบ?
ความจริงแล้วเราค่อนข้างเป็นต่อ ในแง่ของสถานที่ตั้ง รูปแบบ แต่พออยู่ๆ เมื่อต้นปี 2556 คณะกรรมการได้เข้ามาตรวจที่ประเทศไทย กลับไม่ได้รับคำยืนยันว่า ต้องการจะให้การสนับสนุนอยู่หรือไม่
รัฐบาลไทยไม่ตอบ ?
นี่คือสาเหตุที่ทำให้เราถูกตัดสิทธิ์ และทำให้ "ดูไบ" ลอยลำ
"ผมรู้สึกผิดหวังไหมที่ไทยถูกตัดสิทธิ์และไม่มีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ ถ้าถามว่า ผมผิดหวังไหม ผมรู้สึกผิดหวังกับการที่ไทยถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป เนื่องจากปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การส่งเอกสาร แต่ปัญหาอยู่ที่ไม่มีรัฐมนตรีคนใดในรัฐบาลชุดนี้ให้คำยืนยัน
จนกระทั่งเขามีหนังสือทวงถามผ่านเอคอัครราชทูตไทยในกรุงปารีสขณะนั้น โดยให้เวลายืนยันถึงเดือนมีนาคม 2556 แต่รัฐบาลก็ไม่ตอบ !! ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า การไม่ตอบของรัฐบาลในครั้งนั้น ไม่ตอบเพื่อให้ "ดูไบ" ชนะในวันนี้หรือไม่"
@ ตั้งแต่การเตรียมการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ประเทศไทยใช้งบไปเท่าไหร่
ความจริงตอนที่ทำยังไม่ถึง 100 ล้านบาท เพราะส่วนใหญ่งบฯ ที่ใช้จะเน้นไปในด้านของการจัดทำการศึกษา การทำหนังสือแสดงตัว การออกแบบการศึกษาทุกอย่างที่เราจะต้องนำเสนอ
ด้านของการประชาสัมพันธ์ยังไม่ได้มีการดำเนินการมากนัก ซึ่งการทำงานที่ผ่านมายอมรับว่า ค่อนข้างลำบากถูกรัฐบาลตัดงบประมาณ จนทำให้รู้สึกว่า รัฐบาลไม่ตั้งใจสู้!!
ดังนั้นหากวันนี้ประชาชนคนไทยจะตั้งข้อสงสัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหากกลับไปดูข่าวเก่าๆ ในเว็บของดูไบ หลังจากที่ไทยถูกตัดสิทธิ์เขาก็เตรียมจะฉลองล่วงหน้าอยู่แล้ว
@ แต่ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า สสปน.ยื่นเอกสารไม่ครบ
ผมดูการอภิปราย ...ไม่จริงครับ
ซึ่งเรายืนยันได้เรื่องเอกสาร เพราะตอนที่คณะกรรมการมาตรวจในเดือนมกราคม 2556 การนำเสนอเป็นไปอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนตอบกลับว่า จะสนับสนุนหรือไม่
ดังนั้นปัญหาจึงไม่เกี่ยวกับเรื่องเอกสาร
ในเรื่องของการตรวจเอกสารคณะกรรมการบอกด้วยซ้ำว่า เอกสารเราทำได้ดี และการนำเสนอก็ทำได้ดีมาก แม้กระทั่งไปพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ท่านก็ไม่พูดอะไร แล้วก็ไม่ตอบ
นั่นคือข้อเท็จจริง ที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศพูดไม่เป็นเรื่องจริง !!
"เขาโกหกกลางสภาปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศรู้ดีทุกคน แต่เขาไม่พูดเท่านั้นเอง"
@ จากบทเรียนในครั้งนี้เรียกได้ไหมว่า มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
จริงๆ ไม่ใช่เรื่องของการเมือง แต่นี่คือเรื่องของผลประโยชน์ของประเทศชาติ ! ผมไม่อยากบอกว่า การเมืองมาเกี่ยวข้อง แล้วผมไม่แน่ใจว่า ใครสั่งใคร
รู้แค่ว่า ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแทบไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่ให้การสนับสนุน ไม่แสดงเจตนารมย์ หรือผลักดันที่จะให้โครงการนี้เกิดขึ้นในประเทศ
ถามว่า เป็นเพราะอะไร เราคงต้องไปถามท่านนายกฯ เนื่องจากมีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า ผู้นำระดับสูงของจีน ยืนยันให้การสนับสนุนไทย กระทรวงการต่างประเทศจึงเดินหน้า แต่พออยู่ๆ ก็สั่ง หยุด ใส่เกียร์ถอยหลัง
"ผมไม่เข้าใจว่ามีผลอะไรกับใครอย่างไรหรือไม่"