เปิดปากนายกฯสำรอง “สุรพงษ์” ...ไม่น่าจะมีอุบัติเหตุ
"ผมต้องขึ้นเป็นรักษาการนายกฯ ถ้ามันมีเหตุจำเป็นจริงๆ แต่ก็คิดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”
การชุมนุมของ "กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ซึ่งพัฒนามาเป็นการ "กลุ่มขับไล่ระบอบทักษิณ" นับวันยิ่งเร้าให้สถานการณ์สุกงอมขึ้นเรื่อยๆ
"สุเทพ เทือกสุบรรณ"แกนนำผู้ชุมนุม ยกระดับการชุมนุมด้วยการประกาศยึด "ทุกกระทรวง" พร้อมปลุกมวลชนแนวร่วมต่างจังหวัดให้ยึดทุก "ศาลากลางจังหวัด"
ฝั่งรัฐบาลที่นำโดย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่มีบรรดา "กุนซือ" ผู้เชี่ยวงานด้านมวลชน ยังอยู่ในที่ตั้ง เลือกที่จะรักษาฐานที่มั่นไว้ให้คงมั่น เก็บอาการ "นิ่ง" เพื่อสยบความเคลื่อนไหวของ "สุเทพ"
แต่ในความ "นิ่ง" ก็ยังออกอาการหวั่นไหว เกรงว่า "ขั้วตรงข้าม" จะออกอาวุธจนไม่สามารถทัดทานได้ เพราะกว่าจะรู้เกมก็อาจจะแพ้ไปเสียแล้ว
เหมือนในช่วงปลายปี 2551 ซึ่ง “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” (พธม.) ชุมนุมทางการเมืองขับไล่รัฐบาล "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" จนกระทั่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีคำสั่งให้ยุบพรรคพลังประชาชน จากคดีทุจริตการเลือกตั้ง
จน "สมชาย" ตั้งหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรค พร้อมถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี
การบริหารงานของรัฐบาลในขณะนั้นจึงอยู่ในสภาวะสุญญากาศ โดยมี “ชวรัตน์ ชาญวีรกุล” รมว.สาธารณสุข เป็นรักษาการนายกฯ
ทางหนึ่ง "เนวิน ชิดชอบ" แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ประกาศนำ 23 ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน "พลิกขั้ว" จับมือกับ "พรรคประชาธิปัตย์" จัดตั้งรัฐบาลเทพประทาน ชู "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ขึ้นเป็นนายกฯ
และเป็นที่รู้กันว่า "ชวรัตน์" เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนเนวิน
แม้บรรดา “ส.ส.พลังประชาชน” รวมถึง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี จะเรียกร้องให้ “ชวรัตน์” ยุบสภา แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว เมื่อ “ดีลการเมือง” ได้จบไปแล้ว
นี่คือบทเรียนของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” และบริวารที่จะพลาดไม่ได้อีก
การจัดชุมนุมของสุเทพเที่ยวนี้ มีการพูดถึงสูตรพลิกขั้วในสมการการเมืองไว้หลายทาง แต่ก็ยากจะจินตนาการกันได้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ลองสำรวจรายชื่อ “รองนายกรัฐมนตรี” ที่มีสิทธิขึ้นเป็นรักษาการนายกฯ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอย่างไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับ “ยิ่งลักษณ์” พบว่ามีเพียง "คนเดียว" เท่านั้นที่จะกุมชะตาพรรคเพื่อไทยเอาไว้
เขาคือ "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ที่ได้เพียงได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุม ครม.ให้เป็นรักษานายกฯ "คนที่ 1" ยังเป็นรองนายกฯคนเดียวที่ยังดำรงตำแหน่งเป็น “ส.ส.”
เพราะ “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” รองนายกรัฐมนตรี “ปลอดประสพ สุรัสวดี” รองนายกรัฐมนตรี ทั้งหมดได้ลาออกจากตำแหน่ง “ส.ส.” ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วน “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง “ส.ส.” ตั้งแต่ต้น
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้โอกาสสนทนากับ “สุรพงษ์” สั้นๆ ที่อาคารรัฐสภา ในวันที่ "กลุ่มขับไล่ระบอบทักษิณ" ประกาศยึดทุกกระทรวง-ยึดศาลาว่าการจังหวัดทั่วประเทศ
เมื่อถามถึงลำดับรองนายกฯที่จะขึ้นเป็นนายกฯรักษาการ หากมีเหตุจำเป็น “สุรพงษ์” ชี้แจงว่า “ผมต้องขึ้นเป็นรักษาการนายกฯ ถ้ามันมีเหตุจำเป็นจริงๆ แต่ก็คิดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”
เมื่อถามว่า แต่การพลิกขั้วทางการเมืองก็มีให้เห็นอยู่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า “ครั้งนี้ไม่มีนะ”
เมื่อถามว่า ในฐานะที่อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญมีใครมาดีลผ่านท่านเพื่อพลิกขั้วหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า “ไม่มีนะ”
เมื่อถามว่า ถ้ามีมาดีลจะพลิกขั้วหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า “ไม่เคยคิด”
ทั้งหมดคือคำยืนยันจากปาก “สุรพงษ์” แม้จะสั้นๆแต่ได้ใจความ เพราะพูดในฐานะที่จะเป็นตัวแปรสำคัญ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ “ยิ่งลักษณ์”
ไม่มีใครรู้อนาคตได้ ยิ่งเรื่องการเมืองแล้ว ยิ่งยากจะคาดเดา
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต