ศอ.รส.เตรียมขอหมายจับ 'นิติธร-อุทัย-สาทิตย์' ฐานสร้างความปั่นป่วน
ศอ.รส.เตรียมขออนุมัติหมายจับ นิติธร-อุทัย-รชตชยุต-สาทิตย์ ฐานทำให้เกิดความปั่นป่วน ร่วมกันบุกรุกกระทรวง ให้ปชช.ละเมิดกฎหมาย ขออนุมัติศาลถอนประกันตัว อัญชลี-สำราญ คดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. เพจ Policespokesmen โพสต์ข้อความระบุว่า คณะพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งจากภาพกล้องวงจรปิด, ภาพนิ่ง และข่าวทางสื่อมวลชนต่างๆ รวมทั้งคำให้การของ เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารสถานที่ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยื่นขออนุมัติหมายจับ นายนิติธร ล้ำเหลือ , นายอุทัย ยอดมณี , นายรชตชยุต ศรีโยธินศักดิ์ ในข้อหา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้า ในเวลากลางคืน (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ประกอบมาตรา 362) และข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215) และ ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากประตูเลื่อนไฟฟ้าเสียหาย 4 บาน (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358)
นอกจากนั้น ในวันนี้พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ และ สน.สำราญราษฎร์ ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขออนุมัติหมายจับ นางสาวอัญชลี ไพลีรักษ์, นายสำราญ รอดเพชร, นายสาธิต วงศ์หนองเตย กับพวก ในข้อหาทำให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน และให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116) โดยมีพยานหลักฐานทั้งคำพูด คำปราศรัยบนเวที ตลอดจนข้อความที่ปรากฎผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และพยานบุคคลต่างๆ มาประกอบในการเสนอขอหมายจับในข้อหาดังกล่าว
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมเป็นหลักฐานเพิ่ม เพื่อขออนุมัติต่อศาลในการขอถอนการประกันตัว นางสาวอัญชลี ไพลีรักษ์ และนายสำราญ รอดเพชร ในกรณีเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับผู้ที่ก่อความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ ทั้งในกรณีการเข้าไปบุกยึด กรมประชาสัมพันธ์ รวมทั้งศาลากลางในจังหวัดต่างๆ ก็จะมีการดำเนินการ ยื่นขอหมายจับต่อศาลในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย
นอกจากนั้นแล้ว ในกรณีแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม ถึงแม้ยังไม่ถึงขั้นบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่มีการประกาศห้ามไว้ แต่ถ้าเป็นการปิดล้อมไม่ให้ข้าราชการหรือประชาชน เข้าออกได้ตามปกติ ก็ถือว่าเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 กรณีข่มขืนใจไม่ให้ผู้อื่นกระทำการหรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับผู้ที่สั่งการยั่วยุ ชักจูง ให้ผู้ชุมนุมไปทำการปิดล้อมหรือบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ หรือว่าเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84 ถือว่าต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดนั้นทุกกรณี
และขอความร่วมมือไปยังข้าราชการทุกภาคส่วน และเจ้าหน้าที่ของ ทุกหน่วยงาน ร่วมกันปกป้องรักษาสถานที่ตั้งซึ่งเป็นสถานที่ทำงาน และต่อต้านการกระทำความผิดกฎหมายต่างๆ โดยยืนหยัดที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งอาจปรับรูปแบบการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นปกติสุข โดยขอให้หลีกเลี่ยงการปะทะหรือกระทบกระทั่งจนทำให้เกิดการสูญเสีย
ส่วนเจ้าหน้าที่เน้นย้ำให้ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อความยั่วยุต่างๆ เพื่อให้รัฐบาล และส่วนราชการต่างๆซึ่งมีภารกิจต้องบริหารประเทศ และการบริการประชาชน ในรูปแบบต่างๆ ดำเนินต่อไป เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องได้รับความเดือดร้อน อันเนื่องมาจากการกระทำผิดกฎหมายของคนบางกลุ่ม
ศอ.รส. ขอยืนยันอีกครั้งว่า การดำเนินการต่างๆ ในการดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองนั้น จะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและความชอบธรรม และจะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกกรณี โดยเน้นการเจรจาและขอร้องให้ไม่มีการกระทำความผิดกฎหมายต่างๆ และจะปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ตลอดจนการพยายามทำทุกวิถีทางที่จะคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น โดยสันติวิธี
ขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบจาก Policespokesmen