นพดล ปัทมะ : Oh My God! คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ
"..ถ้าวันนี้ผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญในยุโรปเดินทางมาเมืองไทย และได้ฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทยเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา คงจะต้องร้องว่า Oh My God! (โอ้พระเจ้า!) เพราะไม่มีประเทศใดในโลก ที่ยอมให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นซุปเปอร์องค์กรเหนือรัฐธรรมนูญและสถาปนาอำนาจให้ตนเองได้.."
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อว่า Noppadon Pattama เรื่อง คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ความแตกแยกทางความคิดในสังคมไทย
โดยมีเนื้อหาดังนี้
"ตนเรียนกฎหมายรัฐธรรมนูญจากประเทศอังกฤษมาอยู่บ้าง ประเทศอังกฤษไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ เพราะอำนาจสูงสุดอยู่ที่รัฐสภาเพราะเป็นตัวแทนปวงชนทั้งประเทศ จึงมีหลักความสูงสุดของรัฐสภา ไม่เหมือนประเทศในทวีปยุโรปอื่น ที่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร และมีศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดูความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายต่างๆ
ถ้าวันนี้ผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญในยุโรปเดินทางมาเมืองไทย และได้ฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทยเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา คงจะต้องร้องว่า Oh My God! (โอ้พระเจ้า!) เพราะไม่มีประเทศใดในโลก ที่ยอมให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นซุปเปอร์องค์กรเหนือรัฐธรรมนูญและสถาปนาอำนาจให้ตนเองได้ เพราะจะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและใช้อำนาจเหนืออำนาจอื่น ดังนั้นจึงเป็นที่มาของหลักการแบ่งแยกอำนาจ ที่ไม่ต้องการให้อำนาจอธิปไตยคือ ตุลาการ บริหาร หรือนิติบัญญัติ อยู่ในมือคนหนึ่งคนใด ยกเว้นในประเทศเผด็จการเท่านั้น
คำตัดสินครั้งนี้มิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ เช่น
ประการที่ 1 ตุลาการ 5 ท่านไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญปี 50 ที่จะเข้าไปวินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของรัฐสภาตามมาตรา291 การตัดสินจึงเป็นการสถาปนาอำนาจให้ตัวเองอย่างชัดแจ้ง ปกติเราเปรียบเปรยการก้าวก่ายอำนาจขององค์กรอื่นว่าเป็นการวิ่งคร่อมเลน แต่ผมว่าการที่ใครใช้อำนาจของตนที่ไม่มีตามกฎหมาย เป็นเสมือนการปิดซอยวิ่ง
ประการที่ 2 ศาลเน้นย้ำในคำตัดสินว่าประเทศต้องยึดหลักนิติธรรม แต่การใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญถือเป็นการละเมิดหลักนิติธรรมด้วยตัวเอง
ประการที่ 3 ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะยกระดับรัฐธรรมนูญปี 50 ให้เป็นเสมือนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ตัวแทนประชาชนไม่อาจไปแก้ไขได้ เพราะเมื่อรัฐสภาต้องการแก้ทั้งฉบับศาลก็บอกให้ไปแก้รายมาตรา แต่พอแก้รายมาตรา ตุลาการ 5 คนก็บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญปี 50 เท่ากับว่าในอนาคตจะแก้อะไรไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยที่เลือกตัวแทนมานั่งในสภา แต่ตุลาการเสียงข้างมาก 5 คน กลับมีอำนาจมากกว่าประชาชน 61 ล้านคนทั้งประเทศ
ประการที่ 4 คำตัดสินทำให้เห็นการมอบอำนาจให้ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเลือก ส.ว.เข้ามาได้โดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย และกระทำกันในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เป็นต้นเป็นเรื่องที่ผิด และศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเป็นการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองที่มิได้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่ขัดเหตุผลและหลักการประชาธิปไตยอย่างชัดเจน นอกจากนั้นการที่ศาลบอกว่าการมี ส.ว. แต่งตั้ง เป็นการคานอำนาจรัฐบาล ซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตยที่ใช้กันทั่วโลก
“ พรรคเพื่อไทยจะเร่งทำความเข้าใจกับพี่น้องทั่วประเทศถึงคำตัดสินของตุลาการเสียงข้างมาก 5 คน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหมู่นักกฎหมาย และจะมีพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยจัดทำเอกสารและซีดีนับล้านแผ่น เผยแพร่ให้พี่น้องได้เข้าใจถึงหลักการประชาธิปไตยและการตัดสินของศาลที่มิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นที่ชัดเจนว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคงจะเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่ต้องเตรียมมือรับกับการดำเนินการขององค์กรต่างๆ ที่จะตามมา แต่ตนก็เชื่อว่าความถูกต้องจะชนะในที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทยของเรามีมาตรฐานทางกฎหมาย และมีความมั่นคงให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ต่อไป” นายนพดล กล่าว