ชาวบ้านลุ่มน้ำชมพู เตรียมยกพลค้านเขื่อนท้า “ยิ่งลักษณ์” ลงพื้นที่
ชาวบ้านลุ่มน้ำชมพูกว่า 300 คนเตรียมยกพลค้านเขื่อนท้า “ยิ่งลักษณ์”และ “ปลอดประสพ”ลงพื้นที่ เชื่อไม่สามารถแก้น้ำท่วมได้หวั่นจรเข้น้ำจืด-ทรัพยากรธรรมชาติสูญสิ้น
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ศาลาวัดชมภู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ชาวบ้านหมู่ 1 บ้านชมพูใต้และชาวบ้านหมู่3 บ้านชมพูเหนือ ซึ่งจะได้ผลกระทบจากโครงการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำคลองชมพู จำนวนกว่า 100 คน ได้เดินทางมาร่วมประชุมเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นตามโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนบ้านบาทของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 20 พฤศจิกายน โดยมีชาวบ้านจากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านจากอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายและชาวบ้านจากตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ มาร่วมสังเกตการณ์
ทั้งนี้ในการประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ หลังจากนั้นได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ผลกระทบซึ่งเป็นตัวแทนจะขึ้นพูดในเวทีรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 20 ได้แสดงความคิดเห็นโดยนายประกิจ มาชาวป่า กล่าวว่าการสร้างเขื่อนเป็นการทำลายทุกอย่างทั้งแหล่งน้ำและป่าเขา รวมทั้งสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ขณะที่ชาวบ้านหากินอยู่กับป่า แถมมีแหล่งประวัติศาสตร์ที่เนินกระเบื้อง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆมากมาย ดังนั้นเราจึงไม่เอาเขื่อน
นายสมหวัง เตือยชาวนา กล่าวว่า เนินกระเบื้องสร้างความรู้สึกภูมิใจให้กับชาวบ้านมาตั้งแต่โบราณ แต่หากสร้างเขื่อนสิ่งเหล่านี้จะสูญหายหมด
ขณะที่นายสมหมาย กิมอิ่ม กล่าวว่าเราเคยคัดค้านเขื่อนมาตั้งแต่ปี 2522 และเรื่องเงียบหายไป แต่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ไม่เคยรับรู้ว่าก่อนว่าพื้นที่ที่นี่เป็นถ้ำเป็นรูอย่างไร การบอกว่าสร้างเขื่อนที่นี่ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมก็ไม่จริง นายปลอดประสพเป็นถึงอดีตอธิบดีกรมป่าไม้ แต่กลับเอาป่าไปสร้างเป็นเขื่อน หากรัฐบาลนี้ล้ม โครงการนี้ก็ล้มไปด้วย ดังนั้นทุกคนต้องเข้มแข็ง ตนอยากท้าให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปลอดประสพมาลงพื้นที่ เพราะจะได้ชี้ให้ดูว่าเขาลูกไหนเกิดดินสไลด์ ภูเขาลูกไหนเป็นถ้ำซึ่งไม่ควรสร้างเขื่อน
นายระ มาภู กล่าวว่า เคยมีการสำรวจสร้างเขื่อนเมื่อปี 2522 แต่สร้างไม่ได้เพราะพบแหล่งเกลือ และมีถ้ำต่างๆตามภูเขาหินปูน หากสร้างเขื่อนจะมีโอกาสพังได้ง่าย ดังนั้นจึงยกเลิกไป แต่มายุคนี้นายปลอดประสพเดินหน้าอย่างเดียวโดยอ้างน้ำท่วม ทั้งๆที่น้ำท่วมตั้งแต่นครสวรรค์ยันกทม. แต่ไม่มีเขื่อนใดชะลอน้ำท่วมได้ ดูตัวอย่างได้จากน้ำท่วมในปีนี้ที่ภาคอีสาน แต่ละจังหวัดทั้งที่นครราชสีมา ชัยภูมิ ต่างมีเขื่อนทั้งสิ้น แต่น้ำกลับท่วมหนัก โดยทางการอ้างว่าน้ำเต็มเขื่อน จึงต้องปล่อยน้ำ ขณะที่พอน้ำแล้งก็อ้างว่าน้ำไม่พอจ่ายจึงไม่ปล่อยน้ำ ดังนั้นเราจึงหวังอะไรจากเขื่อนไม่ได้
นายวิชาญ เศรษฐสูงเนิน กล่าวว่าไม่มีรัฐบาลหน้าไหนจะรู้เรื่องในหมู่บ้านดีกว่าพวกเรา เขาไม่รู้ว่าภูเขารั่วเป็นอย่างไร มีธารน้ำทะลุไปยังที่ใด ขณะเดียวกันหากสร้างเขื่อนโดนบ่อเกลือก็จะทำให้น้ำเค็มแน่นอน ตอนนี้ภาครัฐมีแต่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติโดยการสร้างสารพัดโครงการ
ด้านนายพีรพงษ์ สุขหมอน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 เปิดเผยว่า ในเวทีแสดงความคิดเห็นวันที่ 20 ชาวบ้านหมู่1 และหมู่ 3 ซึ่งมีประชากรราว 5 พันคน แต่ได้โควต้าพูดเพียง 16 คน ซึ่งถือว่าน้อยมาก และมีชาวบ้านจำนวนมากต้องการบอกเล่าเรื่องราวมากมายให้ทราบ ทั้งนี้ชาวบ้านหมู่ 3 จะเดินทางไปร่วมเวทีราว 200 คนโดยขับรถไปกันเองประมาณ 15 คัน ส่วนชาวบ้านหมู่ 1 ได้ยินว่าจะไปกันอีกไม่ต่ำกว่า 100 คน โดยจะออกเดินทางตั้งแต่เช้าเพื่อให้บางส่วนได้ลงทะเบียนด้านหน้าห้องประชุม เผื่อจะมีโอกาสได้เข้าไปในเวทีมากขึ้น ทั้งนี้การที่กบอ.ให้เวลาแค่ 3 นาทีซึ่งถือว่าน้อยมาก เพราะชาวบ้านมีเรื่องราวมากมายที่อยากแสดงความเห็น
“ชาวบ้านหมู่ 3 ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน มีเพียงเล็กน้อยที่เห็นด้วยเพราะเข้าใจว่าจะทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง โดยหมู่ 3 จะมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมประมาณ 500 ไร่ แต่พื้นที่ป่าชุมชนที่ชาวบ้านใช้หากินก็จะไม่เหลือเลย ทั้งๆที่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์มาก มีต้นไม้ต้นใหญ่ๆ แถมแหล่งจรเข้าน้ำจืดก็จะถูกท่วมไปด้วย ผมเองยังเคยเจอจรเข้คลองชมภูเลย คิดว่าตอนนี้มีอย่างน้อย 3 ตัว พื้นที่นี้จึงควรอนุรักษ์เอาไว้”นายพีรพงษ์ กล่าว
หมายเหตุ :ที่มาข่าว-ภาพ จากเฟซบุ๊ก Paskorn Jumlongrach