"ยิ่งลักษณํ" สั่งตั้งทีมศึกษาคำพิพากษาคดีพระวิหาร
“นายกฯ” ย้ำไทยพร้อมทำตามคำสั่ง “ศาลโลก” ตั้งอนุกรรมการศึกษาคำพิพากษา เร่ง “สุรพงษ์” ประสาน “กัมพูชา” เปิดประชุมเจซี
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีคนบางกลุ่มออกมาคัดค้านคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในการตัดสินปราสาทพระวิหาร ว่า ต้องเรียนว่าจากการตีความของศาลโลก เป็นการตีความให้เกิดความชัดเจนหลังจากมติ ครม.เมื่อปี 2505 ว่า เมื่อปราสาทเป็นของกัมพูชาแล้วดินแดนตรงนี้จะดูแลกันอย่างไร
“เราจะนำกลไกนี้ไปหารือร่วมกันกับฝ่ายกัมพูชา เพราะว่าเรามีกลไกกรรมาธิการร่วมอยู่แล้ว ซึ่งกลไกนี้จะเป็นกลไกหารือร่วมกัน เพราะศาลโลกได้บอกว่าในส่วนของปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกทั้ง 2 ประเทศต้องร่วมกันพัฒนา ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราจะนำไปหารือในรายละเอียดต่อไป และเราได้ให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตรึงพื้นที่อยู่ตามเดิม เพราะการทำงานทั้งหมดต้องไปหารือก่อนว่าในเนื้อหาขอบเขตของตัวปราสาทเป็นอย่างไร” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ตนได้มีการตั้งอนุกรรมการที่จะศึกษาและวิเคราะห์ในเรื่องของคำพิพากษา และจะเป็นแนวทางที่ต้องไปหารือร่วมกัน ยืนยันว่าเราจะทำตามบทบัญญัติข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญของไทย ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา (เจซี) ต้องรอให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางกลับมาจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ก่อนที่จะไปประสานงานกับกัมพูชา ว่าจะมีความพร้อมแคไหนอย่างไร โดยเราจะเร่งการพูดคุยอย่างเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า แต่หลังศาลโลกมีคำตัดสินทางกัมพูชา รวมถึงสื่อต่างประเทศ ออกมาพูดในทางตรงกันข้ามกับไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องบอกว่าต่างฝ่ายต่างมองในมุมของตัวเอง เราอย่ามองว่าเป็นชัยชนะหรืออะไรเลย ถ้าถามก็เหมือนกับว่าเป็นชัยชนะของทั้งสองประเทศ และความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่เราไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่เกิดความรุนแรงในพื้นที่