นายกฯ ขอคนไทยรอฟังท่าที หลังคำตัดสินกรณีปราสาทพระวิหาร
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชี้ไทย-กัมพูชา เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ย้ายบ้านหนีกันไม่ได้ จำต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน พร้อมขอให้คนไทยเชื่อมั่นรัฐบาลจะดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย-สอดคล้องกับรธน.
วันที่ 10 พฤศจิกายน นางสาวยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงเฟชบุค ถึงกรณีที่วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ศาลโลกจะมีคำตัดสินกรณีปราสาทพระวิหารว่า คดีนี้รัฐบาลได้ต่อสู้คดีมาอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ และไม่ว่าผลของคำตัดสินของศาลโลกจะออกมาเป็นเช่นไร ไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจาหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำตัดสินของศาลโลกนั้นจะมีรายละเอียดที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลและทีมทนายจะต้องพิจารณาศึกษาด้วยความรอบคอบ โดยต้องคำนึงถึงขั้นตอนตามกฎหมายตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมีประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง โดยในช่วงค่ำหลังมีคำตัดสินรัฐบาลจะมีแถลงการณ์ถึงท่าทีของประเทศไทยซึ่งดิฉันขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนรอรับฟัง
"ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ย้ายบ้านหนีจากกันไม่ได้ ประเทศทั้งสองจึงต้องรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ตลอดจนส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะต้องร่วมมือกันที่จะดูแลและรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณแนวชายแดน และจะใช้แนวทางการหารือร่วมกันในสาระสำคัญของคำตัดสินตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ว่าจะ “ต้องให้เวลา” และ “เคารพในสิทธิและการแสดงออก” ของกันและกัน เพื่อดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายภายในของแต่ละฝ่ายให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน"
ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนคนไทยเชื่อมั่นได้ว่าการดำเนินการใด ๆ ของรัฐบาลจะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและสอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพร้อมที่จะรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชนก่อนที่จะดำเนินการใดๆ เพื่อประโยชน์สุขของประเทศไทย และสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา
สำหรับการติดตามการอ่านคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก คดีปราสาทพระวิหาร นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศจัดรายการพิเศษเกาะติดสถานการณ์การอ่านคำพิพากษาของศาลโลก คดีปราสาทพระวิหาร ในวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเกาะติดสถานการณ์ให้ความรู้ให้ข้อมูลแก่ประชาชน ด้วยการจัดรายการพิเศษถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ช่อง 9 และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ หรือ สทท.11 ที่จะเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. โดยช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินรายการโดยคุณอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล มีแขกรับเชิญ เช่น อาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์การเมือง อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเขาพระวิหาร ส่วนรายการที่ สทท. 11 ดำเนินรายการโดยคุณจอม เพ็ชรประดับ จะสัมภาษณ์นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และนายไกรกวี ศิริกุล รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ จากกระทรวงการต่างประเทศ
และเมื่อถึงเวลาสำคัญคือ 16.00 น. สถานีโทรทัศน์ทั้ง 2 ช่องจะรับสัญญาณดาวเทียมสดจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดย สทท. 11 จะเป็นภาพสดพร้อมเสียงล่ามแปลภาษาไทย ขณะที่โมเดิร์นไนน์ทีวีจะมีภาพสดและให้เลือกฟังสัญญาณเสียงได้ทั้งเสียงภาษาไทยหรือเสียงภาษาอังกฤษ และระหว่างนั้นประชาชนสามารถรับฟังเสียงภาษาไทยทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเอฟเอ็ม 92.5 เมกกะเฮิร์ทซ์ หรือ เอเอ็ม 891 และสถานีวิทยุ อสมท เอฟเอ็ม 105 เมกกะเฮิร์ทซ์ ได้เช่นกัน แต่หากต้องการรับฟังเสียงล่ามที่แปลเป็นภาษาอังกฤษสามารถรับฟังได้ที่คลื่นเอฟเอ็ม 88 เมกกะเฮิร์ทซ์