“สุรพงษ์” วอนฟังศาลโลกตัดสินพระวิหารด้วยสติ-ห่วงปลุกคลั่งชาติ
รมว.ต่างประเทศ ออกทีวีแจงกรณีศาลโลกเตรียมตัดสินคดีพระวิหาร 11 พ.ย.นี้ วอน ปชช.ติดตามด้วยสติ หวังผลออกมาสร้างสรรค์ ห่วงพวกบิดเบือนปลุกกระแสคลั่งชาติ
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ออกอากาศทางวิทยุกรมประชาสัมพันธ์และสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ถึงกรณีที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เตรียมอ่านคำตัดสินคดีประสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ว่า ศาลโลกได้ตัดสินตั้งแต่ปี 2505 ให้ปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และสั่งให้ไทยถอนทหารและตำรวจออกจากตัวปราสาท ซึ่งไทยก็แจ้งว่าไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าวแต่จะยอมปฏิบัติตาม และ ครม.สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีมติกำหนดขอบเขตบริเวณใกล้เคียงปราสาท มีการสร้างรั้วลวดหนามล้อมรอบตัวปราสาท จากนั้นมีการถอนทหารและย้ายเสาธงออกจากพื้นที่ โดยที่ไม่ได้มีการเชิญธงลงจากยอดเสาแต่ต่อมาเมื่อปี 2554 กัมพูชาก็ยื่นขอให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเมื่อปี 2505 เป็นที่มาของการสู้คดีนี้
“ขณะนี้มีคนพยายามปลุกกระแส เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง ผมจึงขอออกรายการนี้เพื่อนำข้อเท็จจริงต่างๆ มาเปิดเผยให้สังคมไทยได้เข้าใจตรงกัน และเราจะได้หันหน้าเข้าหากัน ผมไม่อยากเห็นการชุมนุมประท้วงก่อให้เกิดความเดือดร้อน ความแตกแยก เพราะสมัยรัฐบาลท่านสมัครโยงมาถึงท่านอภิสิทธิ์ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นตามชายแดน เกิดการปะทะกัน มีทหารสูญเสียชีวิต ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” นายสุรพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่าแนวโน้มคำตัดสินน่าจะออกมาในแนวทางใด นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ติดตาม ศาลโลกจะตัดสินคดีต่างๆ เพื่อให้ 2 ฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสันติสุข จึงคาดหวังว่าศาลโลกจะตัดสินกรณีไทย-กัมพูชา ไปในทางเชิงสร้างสรรค์ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือหากคำตัดสินออกมาในทางลบ ความวุ่นวายต่างๆ อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ตนได้ไปหารือกับนายฮอร์ นำ ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ที่เมืองปอยเปต ได้คุยกันว่าไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ถ้าเป็นบวกก็คงทำให้พูดคุยเรื่องการบริหารจัดการร่วมกันง่าย แต่ถ้าเป็นลบก็ต้องให้เวลาซึ่งกันและกัน
“แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุด คือปลุกกระแสคลั่งชาติ โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง ทั้งๆ ที่เหตุการณ์มีความต่อเนื่องกันมาทุกรัฐบาล ถือว่าทุกรัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกัน รัฐบาลเคารพสิทธิในการชุมนุม แต่ขอให้คำนึงผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ด้วย ผมจึงอยากให้ชมการถ่ายทอดสดการอ่านคำตัดสินของศาลโลกด้วยสติ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็ขอเวลาให้กับรัฐบาล เพราะยังมีขั้นตอนต้องดำเนินการต่อไป” นายสุรพงษ์กล่าว
รมว.ต่างประเทศไทย ยังเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับ ผบ.ทบ. และมีการสั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ไปหารือกับแม่ทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา ในสัปดาห์หน้า เพื่อไม่ให้การดำเนินการใดๆ ส่งผลกระทบ หากผลตัดสินออกมาในทางลบ โดยจะมีมาตรการรักษาความสงบตามแนวชายแดนร่วมกัน ซึ่งอย่างน้อยๆ ทหารจะไม่มีการปะทะกัน
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลชุดนี้แนบแน่นกับกัมพูชาอาจมีการสมยอมผลประโยชน์กัน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่เอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปทำให้เสียแน่นอน เพราะรัฐบาลนี้มาจากเสียงข้างมากของประชาชน ดังนั้นจะทำอะไรต้องคิดให้ถี่ถ้วน ยิ่งอยู่ในกระแสที่โจมตีเรื่องนี้มาโดยตลอด
เมื่อถามว่า ไทยสามารถไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลกในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ได้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หากไทยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกก็ต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพราะการเป็นสมาชิกยูเอ็นทำให้เป็นภาคีของศาลโลกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียหายมากกว่า หากผลการตัดสินออกมาในทางลบ ก็จะต้องมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะประเทศชาติเป็นของทุกคน จึงอยากให้ประชาชนร่วมกันตัดสินใจ
ภาพประกอบ - สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จากเว็บไซต์ www.bangkokbiznews.com