ผู้ตรวจการฯ สลดใจมท. สั่งทำป้ายหนุนพ.ร.บ.นิรโทษฯ
ศ.ศรีราชา แนะขรก.อย่าตกเป็นทาสนักการเมือง ย้ำอำนาจเงินทำให้คนไร้คุณธรรมจริยธรรม ด้านปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน เชื่อคุณธรรมสร้างได้ด้วยปัญญา และความสงบของบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องของรัฐ หรือสภาเพียงอย่างเดียว
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2556 ภาคีเครือข่ายเสริมสร้างพลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดิน จัดสัมมนา เรื่อง “การปฏิรูปพลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดิน” ณ ห้องประชุม 901-902 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน อาคารรัฐประสาศนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึง “การปฏิรูปเพื่อเพิ่มพลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดิน” ว่า วิกฤติเรื่องคุณธรรมจริยธรรมเกิดขึ้นมานานแล้วไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เวลานี้คุณธรรมจริยธรรมเปรียบเสมือน "เพชรน้ำงาม" ที่ได้หล่นหายไปจากสังคมไทยกว่า 60 ปี สาเหตุที่หล่นหายไปเนื่องจากการเห็นแก่อำนาจนิยม เงินตรา การเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจ เพียงมีสติปัญญาก็สามารถสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นได้
“การเรียกคุณธรรมจริยธรรมที่หายไปให้กลับคืนมานั้น ส่วนตัวแล้วอยากจะผลักดันให้กิจกรรมในด้านการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมถูกผลักดันออกไปสู่สังคม เราอย่าคาดหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในหน่วยงานรัฐเพียงอย่างเดียว เพราะในขณะนี้ไม่เพียงพอแล้ว ประชาชนต้องเข้ามาร่วมกันตรวจสอบ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภาคีเครือข่าย และพวกเราทุกคนที่เป็นบุคคลหนึ่งของประเทศจะเกิดความรู้สึกตระหนักและทำบทบาทหน้าที่ของตนเอง ในฐานะผู้ใช้อำนาจรัฐในการปกป้องประชาชน”
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวด้วยว่า ในขณะเดียวกันประชาชนเองต้องรู้จักหน้าที่ของประชาชน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้ย้อนให้เห็นแล้วว่าทุกคนเริ่มมองตัวเอง และไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแค่เรื่องของรัฐบาล สภา หรือองค์กรต่างๆ แต่ทุกคนได้ทำหน้าที่ในการรักษาบ้านเมืองด้วยการยึดหลักคุณธรรมจริยธรรม คนดีจะเต็มบ้านและคนชั่วจะไม่มีที่ยืนวันนี้จึงอยากเรียกร้องปราะชาชน สื่อทุกแห่ง ทุกๆวงการ ย้อนกลับมาช่วยกันดูแลบ้านเมืองซึ่งเป็นของเราทุกคนให้เป็นสังคมที่มีคุณธรรมจริยธรรม ขอให้คิดดี พูดดี ทำดี และหวังว่าคนชั่วที่เป็นโจรจะมีจิตสำนึกเหมือนองค์คุลีมาร
ด้านศาสตราจารย์ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน หนึ่งในภาคีเครือข่าย กล่าวว่า ตนรับหน้าที่นี้มาด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เพราะต้องเล่นกับข้าราชการและนักการเมือง และในรัฐธรรมนูญปี 50 ได้กำหนดหน้าที่ของผู้ตรวจการไว้แล้วตามมาตรา 274 ที่ผู้ตรวจการต้องตรวจสอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งส.ส. ส.ว. อยู่แล้ว อีกทั้งต้องทำการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่การเมืองและข้าราชการอื่นๆ โดยทางผู้ตรวจการฯ ได้พยายามทำโดยการจัดอมรมนักการเมือง และที่ผ่านมาเราสามารถจัดการอบรมได้เพียงพรรคเดียว คือพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น เนื่องจากพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ตอบรับหนังสื่อเชิญ รวมถึงองค์กรของรัฐโดยการส่งตัวแทนเข้าร่วม 20 องค์กร ซึ่งมีเพียง 2 องค์กรเท่านั้นที่นำไปดำเนินการต่อ
ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ทุกอำเภอทำป้ายเพื่อให้ประชาชนสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรนั้ร ศ.ศรีราชา กล่าวว่า ข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยทำตัวเป็นคนของนักการเมือง ยอมเป็นทาสและขาดสำนึกของการเป็นข้าราชการ ขาดสำนึกว่ากินเงินเดือนจากภาษีประชาชน เป็นปรากฎการณ์ที่สลดใจที่สุด จนท้ายที่สุดต้องชะลอไปไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเกิดจิตสำนึกขึ้นมาอย่างไร
"อยากฝากให้กระทรวงศึกษาธิการใช้วิธีปลูกฝังตั้งแต่เด็ก และปลุกจิตสำนึกคุณธรรมจริยธรรมที่ปลูกฝังไว้มาใช้ และอย่าปล่อยให้อำนาจเงินมาซื้อคุณธรรมจริยธรรม ให้ยึดหลักซื่อตรงซื่อสัตย์ มีวินัยรับผิดชอบ และเสียสละเพื่อส่วนรวม"
ขณะที่นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. อีกหนึ่งในภาคีเครือข่ายฯ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของป.ป.ช.เกี่ยวกับเรื่องคุณธรรมจริยธรรมว่า ป.ป.ช.ได้ดำเนินการผลักดันให้กระทรวงศึกษาธิการมีวิชาเกี่ยวกับหน้าที่พลเมืองในหลักสูตรทางการเมือง เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ศึกษาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่เป็นบ่อเกิดของการทุจจริตอันเป็นการป้องกันตั้งแต่ระบบการศึกษา รวมถึงการร่วมทำงานในภาคเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อตรวจสอบปัญหาการกระทำผิดคุณธรรมจริยธรรม
ทั้งนี้ นายชัยรัตน์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของป.ป.ช.ที่มีท่าทีต่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองแต่จะดูเรื่องคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมืองที่มีผลกระทบต่อการตรวจสอบการทุจริต ทั้งในกรณีความผิดที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง พ.ศ. 2549 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการทำงานของป.ป.ช. และพ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลต่อการลบล้างความผิดเรื่องการทุจริต และมีผลกระทบต่อการทำงานตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในภาคีเครือข่ายสหประชาชาติในเรื่องการทุจริตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคีเครือข่ายเสริมสร้างพลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดินทั้ง 7 องค์กร ได้แก่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้ตกลงเซ็น MOU ร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินการขับเคลื่อนพลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดินอย่างเข้มแข็ง ส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กรภาคีเครือข่าย ในการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ให้มีประสิทธิภาพและเกิดเป็นสังคมธรรมาภิบาล และเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการกำกับดูแลด้านคุณธรรมจริยธรรมตลอดจนเกิดระบบการเฝ้าระวังด้านคุณธรรมจริยธรรมในทุกภาคส่วนของสังคมไทย