สมเกียรติ อ่อนวิมล: "ทักษิณ กับ การแทรกแซงวุฒิสภา"
"ทักษิณ ชินวัตร กับ การแทรกแซงวุฒิสภา : ทำได้ ทำมาแล้ว และกำลังจะทำให้ดูอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 นายสมเกียรติ อ่อนวิมล นักสื่อสารมวลชนชื่อดัง ได้เผยแพร่บทความ เรื่อง "ทักษิณ ชินวัตร กับ การแทรกแซงวุฒิสภา : ทำได้ ทำมาแล้ว และกำลังจะทำให้ดูอีกครั้ง ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อว่า "สมเกียรติ อ่อนวิมล"
โดยมีเนื้อหาดังนี้
"เที่ยงวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2556 นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พตท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ผู้สั่งการงานนายกรัฐมนตรีอยู่เบื้องหลัง แถลงว่าจากนี้ไป ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของวุฒิสภา และบอกว่าวุฒิสภาเป็นอิสระ รัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยจะไปแทรกแซงไม่ได้
ประสบการณ์ของผมแตกต่างไปจากที่คุณยิ่งลักษณ์พูด
และที่คุณยิ่งลักษณ์พูด ก็ตรงข้ามกับที่คุณทักษิณทำ
ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นความจริง สำหรับประกอบการใช้วิจารณญาณของพลเมืองดีผู้ห่วงใยประเทศชาติ ได้พิจารณาระวังภัยทุจริตซ้ำเป็นรอบสอง โดยคุณทักษิณฯและพรรคพวกที่เคยทำมาก่อนเมื่อสิบปีที่แล้วอย่างแยบยล และเรื่องนี้กระบวนการยุติธรรมก็ได้พิพากษาความผิดและยึดทรัพย์จากคุณทักษิณคืนมาให้รัฐแล้ว แต่มาวันนี้คุณทักษิณกำลังจะเอาคืน ด้วยวิธีการแบบเดิม:
คือแก้กฎหมายให้ตัวเองได้ประโยชน์
โดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย
เป็นการทุจริต ที่อาจจะผิดกฎหมายเก่า แต่ไม่ผิดกฎหมายใหม่
ปี 2544 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนนท่วมท้นในสภาผู้แทนราษฎร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนแรกเริ่ม คุณทักษิณยังมีอิทธิพลไม่มากพอในวุฒิสภา พลตรีมนูญกฤติ รูปขจร เป็นประธานวุฒิสภา ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภาจากจังหวัดสุพรรณบุรี ผม กับคุณโสภณ สุภาพงษ์, สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ, ชนะในการแปรญัติร่าง พรบ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยแก้ไขร่างๆจากพรรคไทยรักไทย เป็นว่าให้ต่างชาติถือหุ้นได้เพียง 25% แทนที่จะเป็น 49% ดั่งที่คุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยต้องการ ร่างเดิมที่กำหนดตัวเลข 49% ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก่อนจะมาถึงวุฒิสภา มาเสียท่าการแปรญัตติของผมและคุณโสภณฯอย่างไม่คาดฝัน
แต่ชัยชนะของผมและคุณโสภณ และวุฒิสภาเสียงข้างมาก ก็เป็นขัยชนะช่วงสั้นๆ
ความพ่ายแพ้ของคุณทักษิณก็เพียงชั่วครู่ชั่วยาม สามปีเศษเท่านั้นเช่นกัน
เป็นช่วงเวลาที่คุณทักษิณจะได้พัฒนาทักษะการบริหารสมาชิกในวุฒิสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นอิสระ และใครต่อใครก็คิดว่าพรรคการเมืองไม่มีอำนาจแทรกแทรงได้
ปี 2547 คุณสุชน ชาลีเครือ สว.ชัยภูมิ ได้เป็นประธานวุฒิสภา ต่อจาก พลตรี มนูญกฤติ รูปขจร คุณศรีเมือง เจริญศิริ สว.มหาสารคาม ปรากฏตัวและทำกิจกรรมเป็นแกนนำกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาผู้สนับสนุนคุณทักษิณฯและพรรคไทยรักไทย ผู้สนับสนุนสายทักษิณในกลุ่มนี้มีอีกคนที่ต่อมาก็ปรากฏตัวเป็นสมาชิกและเป็น สส.พรรคไทยรักไทย-เพื่อไทย คือคุณอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ สว.แม่ฮ่องสอน
ปลายปี 2547 คุณทักษิณส่งร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่สอง แก้ไขเพิ่มเติมผ่านสภาผู้แทนราษฎร ขึ้นมาถึงวุฒิสภา มีสาระสำคัญให้ปรับสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติในกิจการโทรคมนาคมเพิ่มจากเดิม 25% เป็น 49%
ผมกับคุณโสภณฯเตรียมรับมือมานานสามปี รู้ดีว่าคุณทักษิณจะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ป โดยแก้กฎหมายให้ขายหุ้นให้ชาวต่างชาติมากขึ้นจนติดเพดาน 49% ตามที่เคยอยากได้แต่แพ้วุฒิสภาเมื่อสามปีเศษก่อนหน้า ผมกับคุณโสภณฯ จึงเสนอขอแปรญัตติให้กฎหมายกลับสู่ร่างเดิม คือให้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติอยู่ที่ 25% แต่ประธานกรรมาธิการฯพิจารณาร่างฯไม่รับเอกสารขอแปรญัติจากผมและคุณโสภณฯ อ้างว่าขัดหลักการของกฎหมายที่ต้องการให้เพิ่มสัดส่วนหุ้นต่างชาติเป็น 49% จะมาขอแก้เป็นสัดส่วนอื่นไม่ได้ ผมเลยไม่ได้รับโอกาสขึ้นสู่ห้องกรรมาธิการเพื่อชี้แจงเหตุผลในการขอแปรญัตติ
ผมหมดโอกาสพูดแม้แต่คำเดียว
การห้ามไม่ให้ผมแปรญัตติโดยอ้างว่าคำขอแปรญัตติขัดกับหลักการที่ร่างไว้ในอารัมภบทของร่างกฎหมาย เป็นสิ่งที่พวกคุณทักษิณห้ามไม่ให้ผมทำเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่พรรคเพื่อไทยทำได้ในกรณีร่างพระราชบัญญ้ตินิรโทษกรรมที่อยู่ในรัฐสภาปีนี้
เมื่อถึงวาระสอง ร่างพระราชบัญญ้ติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 กลับสู่การอภิปรายของที่ประชุมใหญ่วุฒิสภา ผมขอร้องประธานที่ประชุม ผู้ที่นั่งบัลลังก์ทำหน้าที่ตอนนั้นคือคุณนิพนธ์ วิศิษฐ์ยุทธศาสตร์ ผมขอสิทธิในการพูดเพื่ออภิปรายตามที่ผมพยายามของแปรญัตติไว้ แต่กรรมาธิการฯและ สว.ฝ่ายสนับสนุนคุณทักษิณก็ประท้วง ไม่ยอมให้ผมพูด อ้างว่าผมไม่มีสิทธิพูดเพราะไม่ได้เป็นผู้สงวนคำแปรญัตติไว้
ก็ในเมื่อไม่รับเอกสารขอแปรญัตติจากผม ผมจึงไม่ได้โอกาสแปรญัตติและจะให้ผมสงวนคำแปรญัตติก็ไม่ได้อยู่แล้ว
เพื่อนๆ สว. ช่วยอภิปรายสนับสนุนให้ผมได้พูดและแปรญัตติได้กันอลวน เพราะถือเป็นสิทธิของสมาชิกวุฒิสภาที่ต้องได้รับโอกาสแปรญัตติร่างกฎหมายทุกฉบับ และกรรมาธิการก็สามารถปฏิเสธไม่เห็นด้วยได้หลังจากฟังคำแปรญัตติแล้ว ตอนนั้น ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ, ครูหยุย-วัลลภ ตังคณานุรักษ์, และ สว.อีกจำนวนหนึ่งลุกขึ้นอภิปรายขอความเห็นใจจากประธานฯให้ผมได้ลุกขึ้นพูดแปรญัตตติให้ได้ ในที่สุดท่านประธานฯก็ยอม
ทั้งผมและคุณโสภณฯ จึงได้อภิปราย แปรญัตติ และพ่ายแพ้ท้วมท้นแบบรู้ล่วงหน้าในชะตากรรมอยู่แล้ว
เพราะคุณทักษิณใช้เวลาสามปีเศษจากบทเรียนที่เคยแพ้ผมกับคุณโสภณฯในวุฒิสภา
คุณโสภณกับผมที่อภิปรายชนะนั้นก็ด้วยเหตุผลในการอภิปรายที่เพื่อนสมาชิกเห็นชอบด้วย และด้วยเหตุที่กลุ่มพวกที่สนับสนุนคุณทักษิณยังไม่มากพอแบบเด็ดขาด หากพวก สว.สายทักษิณไม่มาลงคะแนนกันพร้อมหน้าก็อาจแพ้ได้ ซึ่งก็แพ้จริงๆในยกแรก
ผ่านมากว่าสามปี คุณทักษิณได้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากพอที่จะชนะทุกครั้งที่คุณทักษิณสั่งการ ความมั่นใจของคุณทักษิณ และพรรคไทยรักไทยกลับคืนมาสูงยิ่ง ในสภาผู้แทนราษฎรก็มีคะแนนท่วมท้นในวุฒิสภาก็คุมและสั่งการได้ดั่งใจปราถนา
ปี 2547-2548 ผมประมาณตัวเลขจากการเก็บข้อมูลอย่างถี่ถ้วนเป็นแรมปีว่าสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดที่มี 200 คน มีที่ตกอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมและดูแลความสุขสมบูรณ์เป็นรายเดือนและตามประเภทงานที่สั่งให้ลงคะแนนพิเศษ มีจำนวนประมาณ 80-90 คน และมี สว.สายข้าราชการอาวุโสเก่าอีกจำนวนหนึ่งที่จะลงคะแนนช่วยคุณทักษิณแบบอิสระอีกราว 40-50 คน ที่เหลือเป็น สว.อิสระแท้ๆราว 50-60 คน ส่วนใหญ่มาจากองค์กรพัฒนาเอกชน ผมเองไม่ได้สังกัดกลุ่มใดโดยเฉพาะ จึงรู้จักกลุ่มคุณศรีเมืองฯและคุณอดุลย์ฯ เพราะนั่งไม่ห่างกัน ตามลำดับอักษรชื่อผม ส-สมเกียรติ ก็อยู่ใกล้ๆกับ ศ-ศรีเมือง, และ อ-อดุลย์ ผมมักได้ยินการพูดคุยของกลุ่มนี้แว่วๆมาจากแถวหลังเสมอ
ตอนเขาผรุสวาทอาจารย์เจิมศักดิ์ ผมก็ได้ยิน
ตอนเขา “ทุเรศ” พล ต.อ. ประทิน สันติประภพ ผมก็ได้ยินด้วย
เพียงแต่ตอนที่ พล ต.อ. ประทิน ชกหน้าคุณอดุลย์ ผมบังเอิญอยู่สหรัฐอเมริกาในวันนั้น
บางทีคุณศรีเมืองก็ขอให้ผมช่วยอภิปรายและยกมือสนับสนุน ผมก็ทำให้เมื่อเหตุผลสอดคล้องกัน บางที่คุณศรีเมืองก็ประท้วงผม ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น เพราะปรกติผมจะอภิปรายแบบจืดชืดไม่มีสีสัน กระชับ สั้น จบเร็ว ไม่นอกเรื่อง ตามร่างบทอภิปรายที่ผมพิมพ์เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
สว.บางคนในกลุ่มสนับสนุนคุณทักษิณนี้ยังเล่าให้ผมฟังถึงผลประโยชน์ที่ได้จากคุณทักษิณ คนหนึ่งพูดกับผมว่า
“พี่สมเกียรติ...พี่มันรวยแล้วก็เป็นอิสระได้ ผมมันจน ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายต้องรับผิดชอบ”
สว.ที่จัดอยู่ใน “ค่ายทักษิณ” ปกติจะได้รับเงินเดือนประมาณ 50,000-100,000 บาท และบางครั้งก็มีค่าตอบแทนเฉพาะกิจตามงานที่กำหนดให้ทำ
ส.ส.พรรคความหวังใหม่คนหนึ่งบอกผมว่าเมื่อรวมพรรคเข้ากับพรรคไทยรักไทยแล้วก็จะได้เงินเดือนแถมพิเศษเดือนละ 50,000 บาท แทนที่จะได้เพียง 20,000 บาทตอนที่อยู่กับพรรคความหวังใหม่ ของพลเอกเชาวลิต ยงใจยุทธ แสดงว่ารัฐสภาจ่ายเงินเดือนสมาชิกไม่พอใช้แน่
คุณทักษิณใช้เงินไม่มากนักในการใส่ใจดูแลคะแนนสนับสนุนในวุฒิสภา ช่วงเวลาสามปีเศษที่รอแก้พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับใหม่ เพียงดูแล สว.ไม่ถึงร้อยคนด้วยเงินเล็กน้อย พอผ่านกฎหมายไปได้ก็สามารถทำเงินได้มหาศาลโดยอาศัยประโยชน์จากการแก้กฎหมายนั้น
พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๒) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2549
วันจันทร์ที่ 23 มกราคม เพียงสองวันข้ามวันเสาร์-อาทิตย์มาเท่านั้น ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ก็ขายหุ้นชินคอร์ปทั้งหมด 49% ให้กับบริษัทเทมาเส็กโฮลดิ้ง ของสิงโปร์ เป็นเงิน 73,271,200,910 บาท (เจ็ดหมื่นสามพันสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดล้านสองแสนเก้าร้อยสิบบาท) หากใจร้อนรีบขายไปเท่าที่จะขายได้ตามกฎหมาย คือ 25% เมื่อสามปีก่อนหน้า ก็จะได้เงินเพียงประมาณ 36,934,769,000 บาท (สามหมื่นหกพันเก้าร้อยสามสิบสี่ล้านเจ็ดแสนหกหมื่นเก้าพันบาท)
รอเพียงสามปีเศษ ลงทุนดูแลทุกข์สุขของผู้จงรักภักดีในวุฒิสภาไม่กี่คน ไม่กี่เดือน ไม่กี่บาท ก็แก้กฎหมายให้จนสามารถขายกิจการได้เงินเพิ่มมาอีกถึง 36,336,431,000 บาท (สามหมื่นหกพันสามร้อยสามสิบหกล้านสี่แสนสามหมื่นหนึ่งพันบาท) ตามตัวเลขจากการคำนวนโดยประมาณ
วุฒิสภาสมัยแรกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงมีสมาชิกจำนวนหนึ่งที่มาโดยอิสระ ด้วยชื่อเสียงและผลงานของตนเอง แต่ก็มีอีกจำนวนที่มากกว่า ที่มาด้วยการพึ่งพาบารมีและคะแนนเสียงจากพรรคการเมือง สว.กลุ่มหลังนี้หวังจะเติบโตไปเป็น สส.ในพรรคที่ช่วยตนให้ได้เป็น สว.ก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามแผนนั้น มีจำนวนหนึ่งได้เป็น สส.พรรคไทยรักไทย/เพื่อไทยในเวลาต่อมา อีกบางคนได้เป็นถึงรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย...แม้ได้เป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก็ทำให้โลกรู้ว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน
สมาชิกวุฒิสภานั้นแทรกแซงได้แน่นอน แทรกแซงได้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งหรือสรรหา
คุณทักษิณเป็นคนเปิดเผย ทำอะไรได้มาแล้วก็อยากทำใหม่แบบเก่า
คิดว่าง่าย เพราะเคยทำมาแล้ว ทำได้ไม่ยากด้วย!
คุณทักษิณมั่นใจว่านักการเมืองนั้นซื้อได้ ไม่ได้มีเกียรติหรือศักดิ์ศรีอะไรกันนักหนา!
ที่คุณยิ่งลักษณ์ผู้น้องสาวบอกว่าวุฒิสภานั้นรัฐบาลแทรกแซงไม่ได้
เป็นการพูดที่ถูกต้องตามหลักการในรัฐธรรมนูญ
แต่ในภาคปฏิบัติของพรรคเพื่อไทย ครั้งที่ชื่อพรรคไทยรักไทยนั้น ประวัติพฤติกรรมทางการเมืองของคุณทักษิณ ผู้เป็นพี่ชาย บอกชัดเจนว่าแทรกแซงวุฒิสภาได้ด้วยเงิน
ทำมาแล้ว ... หากไม่เชื่อจะทำให้ดูอีก
โปรดรอสักครู่......
สมเกียรติ อ่อนวิมล
5 พฤศจิกายน 2556