กมธ.การเงินการคลัง วุฒิสภา เล็งเชิญแบงก์ชาติ ศาลปค.ร่วมชี้แจงเงินกู้น้ำ 3.5 แสนล้าน
กรรมาธิการการเงินการคลัง วุฒิสภา เตรียมเรียกธนาคารแห่งประเทศไทย ศาลปกครอง ชี้แจงกรณีคลังเซ็นสัญญากู้ก่อนครบกำหนด 3 วัน แถมไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สิน หวั่นไม่เป็นไปตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650
จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา ได้เชิญธนาคาร 4 แห่งที่ลงนามในสัญญาปล่อยกู้ให้กับโครงการเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ 3.5 แสนล้านบาท เข้ามาชี้แจงเรื่องการเบิกจ่ายเงินนั้น
นายคำนูณ สิทธิสมาน รองประธานกรรมาธิการคนที่หนึ่ง ในฐานโฆษกกมธ.การเงิน การคลังฯ กล่าวกับสำนักข่าวอิศราถึงการกู้เงินโดยใช้อำนาจกระทรวงการคลังตามสัญญา คือ ในวันที่ 27-30 มิถุนายน 2556 นั้น การเซ็นกู้ครั้งนี้ยังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สิน จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า สัญญาครั้งนี้สมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งตามมาตรา 650 ของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในหมวดยืมใช้สิ้นเปลืองโดยสัญญานี้จะมีผลบริบูรณ์ต่อเมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม
"ปัญหาข้อกฎหมายอยู่ตรงที่ ถ้าทำสัญญาไปแล้วเบิกเงินกู้หลัง 30 มิถุนายน 2556 กระทรวงการคลังไม่มีอำนาจกู้เงินตามกฎหมาย ทางธนาคารทั้ง 4 แห่งจะยังคงให้กระทรวงการคลังกู้เงินอยู่หรือไม่"
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอปัญหาลักษณะนี้มาก่อน หากธนาคารให้กู้ไม่มีหลักประกัน ในทางกฎหมายผู้บริหารของธนาคารเสี่ยงที่จะต้องรับผิดชอบในอนาคตหากเงินกู้นั้นมีปัญหา ทั้งในแง่กฎหมายจริยธรรม รับผิดชอบผู้ถือหุ้นของธนาคาร หรือผู้ที่ฝากเงินกับธนาคาร ทางกรรมาธิการฯ จึงต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษา
สำหรับโครงการการบริหารจัดการน้ำภายใต้เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท นายคำนูณ กล่าวว่า โครงการต่างๆ ในแผนบริหารจัดการน้ำก็อาจจะขาดความแน่นอน เพราะบริษัทผู้รับเหมาจะต้องทราบสถานการณ์และประเมินว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป และหากจะดำเนินการต่อเขาก็จะต้องมั่นใจว่า รัฐบาลจะต้องหาเงินจากที่อื่นมาให้
“แต่ประเด็นสำคัญในตอนนี้อยู่ที่ความสมบูรณ์หรือบริบูรณ์ของการกู้เงิน ที่ทำไปก่อนวันหมดอายุเพียง 3 วัน แล้วไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สิน ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการกู้เงินตามพระราชกำหนดอยู่หรือไม่ และหากกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจตามสัญญาแล้วจะให้เบิกหรือไม่อย่างไร ซึ่งในลำดับตอนไปกมธ.การเงิน การคลังฯ จะเชิญให้ธนาคารแห่งประเทศไทย และศาลปกครองมาร่วมชี้แจง” นายคำนูณ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2556 กระทรวงคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ไปเรียบร้อยแล้วกับ 4 สถาบันการเงิน โดย นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง 4 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารออมสิน กรุงไทย กรุงเทพ และกสิกรไทย วงเงิน 324,606 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ที่ได้กู้ก่อนหน้านี้ จำนวน 25,393 ล้านบาท จะเป็นวงเงินกู้จำนวนทั้งสิ้น 349,999 ล้านบาท มีระยะเวลาทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ 4 ปี นับจากวันเบิกจ่ายเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยรายปี คำนวณโดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน (FDR)+ Spread และสามารถทยอยเบิกจ่ายเงินได้เป็นรายปีงบประมาณ โดยมีระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ระหว่างปี 2556-2561
ที่มาภาพจากwww.tnews.co.th