วสิษฐ เดชกุญชร : สงครามกลางเมือง
ผมผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนอายุของผมกว่า 80 ปีแล้ว เคยมีตำแหน่งหน้าที่ทั้งในราชการ ประจำและการเมืองเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและรัฐมนตรี เคยเห็นการยึดอำนาจการปกครองมา หลายครั้ง แต่ที่เคยเห็นนั้นเป็นแต่การยึดอำนาจที่ทำโดยทหารถืออาวุธไม่เคยนึกว่าจะได้เห็นการยึดอำนาจการปกครองโดยพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา จนกระทั่งวันนี้
พฤติการณ์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบทที่น่าอัปยศอดสูที่สุดบทหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย เพราะสามารถเอาชนะในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาด้วยคะแนนเสียงเหนือพรรคอื่น ๆ พรรคเพื่อไทยจึงสามารถตั้งน.ส.ยิ่ง ลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่น (โดยมี (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร)เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง)
และเมื่อยึดรัฐสภาและรัฐบาลได้แล้ว สมุนของ (พ.ต.ท.)ทักษิณก็รุกคืบต่อไปด้วยการแก้ไขรัฐธรรม นูญและออกกฎหมายนิรโทษกรรม รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อเสริมอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย
ส่วนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและได้ส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาแล้วนั้น ก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่าทำเพื่อนิรโทษหรือล้างผิดโดยปราศจากเงื่อนไขให้แก่อาชญากรที่ปล้น ฆ่าและโกงบ้าน โกงเมือง โดยมี(พ.ต.ท.)ทักษิณเป็นหัวหน้าอาชญากร
หากร่างกฎหมายนิรโทษฉบับนี้ผ่านรัฐสภาและประกาศใช้อาชญากรคนหนึ่งที่จะพ้นผิด ทุกกระทงก็คือ (พ.ต.ท.)ทักษิณ รัฐจะต้องคืนเงินประมาณ 46,000ล้านบาทที่ยึดจาก (พ.ต.ท.) ทักษิณ และจะต้องชำระดอกเบี้ยให้ด้วย รวมแล้วเป็นเงินไม่ต่ำกว่า50,000 ล้านบาท
ทั้งสิ้นนี้กำลังจะเกิดขึ้นเพราะความพยายามที่จะการยึดอำนาจการปกครองประเทศโดยพรรคเพื่อไทย
พรรคประชาธิปัตย์อันเป็นฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มภาคภูมิในการค้านทั้งร่างรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม การทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ประชาชนตาสว่างและเห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรแก่บ้านเมือง จึงมีการจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ ขึ้นทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด เช่น กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณซึ่งตั้งเวทีชุมนุมต่อต้านอยู่ที่สวน ลุมพินีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)ซึ่งตั้งเวทีชุมนุมอยู่ที่บริเวณเชิง สะพานอุรุพงษ์และกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตั้งเวทีชุมนุมอยู่ที่ข้าง สถานี รถไฟสามเสน
กลุ่มต่างๆ เหล่านี้ได้ประกาศที่จะชุมนุมต่อต้านอย่างยืดเยื้อ ทุกกลุ่มมีจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นตลอดเวลา รวมทั้งที่มาจากต่างจังหวัดด้วย หลายจังหวัดก็มีการชุมนุมของกลุ่มที่ต่อต้านกฎหมายอัปยศฉบับนี้ด้วย ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ท่ีผ่านไปนี้ กลุ่มนักธุรกิจถนนสีลมกลุ่มแพทย์และพยาบาล และกลุ่มอาจารย์และนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัยก็ประกาศจะชุมนุม ต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย
ท่าทีของทางฝ่ายรัฐบาลนั้นขณะนี้เป็นไปทางด้านสงบและหยั่งเชิง แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามที่จะขัดขวางการชุมนุมด้วยอุบายต่างๆ เช่นเอาหมามุ่ยไปโรยใส่ผู้ชุมนุมที่อุรุพงษ์ขัดขวางมิให้มีการส่งอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น เต๊นท์และเครื่องขยายเสียงเข้าไปยังผู้ชุมนุม ในเวลา เดียวกัน รัฐบาลก็ส่งกำลังตำรวจปราบจลาจลจำนวนมากพร้อมด้วยอุปกรณ์เข้ามาคอยทีอยู่ใน กรุงเทพ ฯ และพร้อมที่จะปฏิบัติการ
ถ้าหากว่ารัฐบาลยังยืนกรานที่จะเดินหน้าออกฎหมายนิรโทษกรรมให้ได้กลุ่มต่อต้านต่าง ๆ ก็คงจะยกระดับการชุมนุมต่อต้านเพื่อกดดันรัฐบาล การยกระดับอาจจะเป็นไปในรูปของการปิด ล้อมสถานที่ราชการเพื่อขัดขวางการทำงานของรัฐบาล และถ้าหากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลก็คงจะ ตอบโต้และสั่งใช้กำลังตำรวจปราบจลาจล
การปะทะกันระหว่างประชาชนจำนวนแสนกับตำรวจจำนวนหมื่นก็จะเกิดขึ้นและ ลุกลามออกไปทั่วประเทศ กลายเป็นสงครามกลางเมือง ผลก็คือการบาดเจ็บและเสียชีวิตของทั้งสองฝ่าย ดังที่ได้เคยเกิดแล้วในเดือนตุลาคม พ.ศ.2516 เดือนตุลาคม พ.ศ.2519 และใน เดือนพฤษภาคมพ.ศ.2535
ผู้ที่จะยับยั้งมิให้สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นได้ในครั้งนี้คือรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยเชื่อฟังและยอมอยู่ใต้การบัญชาของ(พ.ต.ท.)ทักษิณ และดันทุรังออกกฎหมายนิรโทษกรรม และปราบปรามประชาชนผู้ต่อต้าน สงครามกลางเมืองก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและไม่ว่าจะสูญเสียมากน้อยเพียงใด ประชาชน ก็จะเป็นฝ่ายชนะ
น.ส.ยิ่งลักษณ์และวงศาคณาญาติ กับสมุนในพรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายแพ้ในสงคราม และ ประสบเคราะห์กรรมร้ายแรงอย่างที่คาดไม่ถึง จะต้องพากันหนีหรือถูกเนรเทศออกจากประเทศ ไทยและกลายเป็นกลุ่มสัมภเวสีร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศโดยไม่มีกำหนด เช่นเดียวกับ(พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร