ผู้บริหารจุฬาฯ วอนวุฒิสภาคว่ำร่าง กม.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง
ผู้บริหารจุฬาฯออกแถลงวอน ส.ว.ลงมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อส่งกลับให้ ส.ส.ทบทวน ชี้ล้างผิดเหมาเข่งไม่เป็นไปตามข้อเสนอ คอป. สร้างความขัดแย้งในสังคมเพิ่ม
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 เวลาประมาณ 10.30 น.คณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนกรณีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีเนื้อหาดังนี้
แถลงการณ์ของคณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฉบับที่ 1 เรื่อง ข้อขัดแย้งร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
ตามที่สภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... อย่างรีบเร่งรวบรัดและมีเนื้อหาแตกต่างไปจากร่างที่สภาผู้แทนราษฎรได้รับหลักการเอาไว้ในวาระที่ 1 ทำให้บุคคลที่จะได้รับประโยชน์จากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมขยายออกไปครอบคลุมถึงผู้สั่งการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจนนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายและขยายระยะเวลาของการนิรโทษกรรมออกไปจนทำให้นักการเมืองที่กระทำการทุจริตคอร์รัปชั่นจะได้รับประโยชน์จากร่างกฎหมายฉบับนี้อีกด้วยการพิจารณาร่างกฎหมายด้วยวิธีการดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาข้อขัดแย้งในสังคมที่มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
คณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นว่าการจัดทำร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)ได้ให้แนวทางเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมไว้ว่า
“...ไม่สามารถดำเนินการโดยปราศจากขอบเขตแต่ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมและมาตรฐานที่เป็นสากล ...จะต้องมิใช่การนิรโทษกรรมตนเอง (Self-Amnesty) ที่ผู้มีส่วนในการกระทำความผิดบัญญัติกฎหมายให้มีผลเป็นการยกเว้นความรับผิดของตนเอง หรือการนิรโทษกรรมแบบครอบคลุมเป็นการทั่วไป (Blanket Amnesty) หรือครอบคลุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยปราศจากเงื่อนไขแต่จะต้องมีการกำหนดความผิดที่จะนิรโทษกรรมและเงื่อนไขในการนิรโทษกรรมอย่างชัดเจนและเฉพาะเจาะจง โดยพิจารณาแยกแยะลักษณะการกระทำของบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งต้องสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศและตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตยโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย”
อย่างไรก็ตามเมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้วและไม่สามารถย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นได้ในปัจจุบันคณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงขอเรียกร้องให้วุฒิสภาซึ่งต้องเป็นผู้พิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมได้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญยับยั้งร่างกฎหมายนิรโทษกรรมไว้ก่อนและส่งร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคืนไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาทบทวนใหม่
ทั้งนี้คณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะติดตามสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด
4 พฤศจิกายน 2556