มธบ.เปิดผลสำรวจ นักธุรกิจ 86% ไม่เห็นด้วยพ.ร.บ.นิโทษกรรม ฉบับสุดซอย
นักธุรกิจยกพ.ร.บ.นิโทษกรรม ฉบับสุดซอย กลายเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยันเลือกตั้งสมัยหน้าจะไม่เลือก ส.ส./ส.ว. ที่ลงคะแนนรับ พ.ร.บ.นี้ มีเพียง 2.3% เท่านั้น ที่เห็นว่า การผลักดัน พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของประเทศ
วันที่ 3 พฤศจิกายน ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย” โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักธุรกิจทั่วประเทศจำนวน 1,194 คน ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 2556
เมื่อสอบถามว่า เห็นด้วยกับ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย หรือไม่? ร้อยละ 86.4 ไม่เห็นด้วย 7.7 เห็นด้วย และอีก 5.9 ไม่ออกความเห็น
สำหรับคำถามที่ว่า ท่านทราบหรือไม่ว่า ส.ส. ในพื้นที่ของท่านได้ลงคะแนนเสียงรับหรือไม่รับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ร้อยละ 90.4 ทราบ ร้อยละ 9.6 ไม่ทราบ
เมื่อสอบถามต่อไป ว่า หาก ส.ส./ส.ว. ในพื้นที่ของท่าน ลงคะแนนรับ พ.ร.บ. ฉบับนี้ ท่านจะเลือก ส.ส./ส.ว. ท่านนี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ร้อยละ 80.4 ไม่เลือก 16.7 เลือก และอีก 2.9 ยังไม่ตัดสินใจ
และเมื่อถามว่า ท่านคิดว่าอะไร เป็นปัญหาสำคัญที่สุดของประเทศที่รัฐบาลควรแก้ไขก่อนเป็นอันดับแรก ร้อยละ 25.7 ระบุว่า คอร์รัปชั่น 24.9 ค่าครองชีพ 19.7 ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว 15.3 ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย 10.1 การกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม 2.3 พ.ร.บ. นิรโทษกรรม และอีก 2.0 เป็นเรื่องอื่นๆ
ทั้งนี้ เมื่อให้แสดงความเห็นต่อกับคำกล่าวที่ว่า “การคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนนำมาสู่ความวุ่นวายทางการเมือง จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเศรษฐกิจไทย” ร้อยละ 85.5 ไม่เห็นด้วย 13.3 เห็นด้วย และอีก 1.2 ไม่มีความเห็น
จากการสอบถามว่า อะไรเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำของรัฐบาลชุดนี้ ร้อยละ 50.4 ระบุว่า พ.ร.บ. นิรโทษกรรม 41.2 การจำนำข้าว 4.0 ค่าแรง 300 3.1 โครงการบริหารจัดการน้ำ และอีก 1.3 เป็นเรื่องอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ดร.เกียรติอนันต์ กล่าวด้วยว่า นักธุรกิจมีความตื่นตัวในเรื่องนี้มากไม่แพ้ภาคส่วนอื่นของสังคม รัฐบาลควรเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพราะสำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ที่จะทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาที่มีต่อรัฐบาล
"หากยังดึงดันเดินหน้าต่อไป ผลเสียที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่แค่คะแนนนิยมที่หายไป แต่ยังหมายถึงการลากประเทศชาติลงเหวด้วย หากรัฐบาลเห็นความสำคัญของประชาชนจริง ก็ควรจัดลำดับความเร่งด่วนเสียใหม่ เร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพและปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวให้ได้เสียก่อนจะดีกว่า”
ที่มาภาพ:https://www.facebook.com/parichart.sthapitanonda?fref=ts