2 พรรคใหญ่เกทับนโยบายเกษตร ส.ข้าวหวั่นชาวนาถูกหลอกซ้ำซาก
ปชป.-เพื่อไทย คุยนโยบายข้าวพรรคเจ๋งสุด “กอร์ปศักดิ์” ชูประกันราคาเพิ่มรายได้เกษตรกร 87% ใน 2 ปี หากต่ออีก 4 ปีชาวนาหมดหนี้ “วัฒนา” โต้ไม่มีรัฐบาลไหนไม่แทรกแซง เชื่อจำนำสร้างหลักประกันมั่นคงกว่า ด้านผู้แทนสมาคมฯข้าวหวั่นแค่ลิเกการเมือง
วันที่ 16 มิ.ย. 54 ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับ 6 สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับข้าว จัดเสวนา นโยบายข้าว ว่าที่รัฐบาลใหม่ “ประกัน VS จำนำ” ใครได้-ใครเสีย?
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลักคิดของนโยบายประกันรายได้คือเกษตรกรเป็นกลุ่มคนน่าสงสาร ต้องกู้เงินมาลงทุนโดยไม่รู้ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน วิธีที่ดีที่สุดคือให้ทำประกันกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) โดยเบื้องต้นไม่ต้องเสียเบี้ยประกัน คำนวณต้นทุนทั้งหมดกับค่าขนส่งแล้วบวกเป็นกำไรเพิ่มให้ 10% จากเดิม 40% เนื่องจากข้าวของแพงขึ้น ส่วนต้นทุนค่าขนส่งก็เปลี่ยนมาคำนวณตามระยะทาง คนที่อยู่ไกลจะได้ราคาประกันสูงกว่าเพื่อความเป็นเป็นธรรมมากขึ้น
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง ใช้เงินเพียง 58,000 ล้านบาทแต่ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไม่ให้ขาดทุนจากการทำเกษตร เพราะมีประกันรายได้ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเกษตรกรสามารถรับส่วนต่างและไม่บิดเบือนกลไกตลาด และหากเดินหน้านโยบายนี้อีก 4 ปี เชื่อว่าเกษตรกรไม่มีหนี้
“87% ของรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น อาจจะมีช่องโหว่บ้าง แต่หัวใจสำคัญคือเงินถึงมือเกษตรกรทั้งหมด และที่สำคัญเราไม่ได้แตะต้องข้าวแม้แต่เม็ดเดียว ทุกโครงการมีบวกมีลบแต่ถ้าดูแลใกล้ชิดและตรวจสอบละเอียดรอบคอบขึ้น โครงการนี้จะสมบูรณ์”
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวอีกว่า นโยบายข้าวของประชาธิปัตย์ รัฐบาลต้องไม่เข้าไปยุ่งแต่มีหน้าที่แค่สนับสนุน ไม่ทำให้ตลาดผิดปกติ อาจมีบ้างที่ข้าวล้นตลาดก็ไปหาวิธีดึงส่วนเกินออกมาอยู่ในจุดที่สมดุล ไม่ใช่ไปทำเองทั้งหมดหรือเข้าไปเป็นเจ้าของ ปล่อยให้กลไกตลาดเดินไป ต่างกับการรับจำนำทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ซึ่งเป็นภาษีประชาชนนับแสนล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ ซื้อสินค้าราคาแพง แต่กลับขายราคาถูก เกิดการคอร์รัปชั่นทุจริตมากมาย
ด้าน นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่านโยบายรับจำนำข้าว กำหนดไว้ว่าหากเป็นข้าวเปลือกเจ้าจะอยู่ที่ 15,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมตันละ 20,000 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวสะท้อนและบวกต้นทุนต่างๆให้เกษตรกรเรียบร้อยแล้ว ต่างจากโครงการประกันรายได้ ทั้งนี้เพราะสินค้าเกษตรมีข้อจำกัดหลายอย่าง เน่าเสียเร็ว ชะลอผลผลิตไม่ได้ ขณะที่กลไกตลาดที่จะเข้าไปจัดการก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะอำนาจการต่อรองระหว่างชาวนาและผู้รับซื้อไม่เท่ากัน หากภาครัฐไม่เข้าไปดูแลจะถูกเอาเปรียบ
“ไม่มีประเทศใดในโลกที่รัฐบาลไม่เข้าไปบริหารจัดการสินค้าเกษตร โดยเฉพาะเรื่องข้าวซึ่งเกี่ยวข้องกับคนไทย 5 ล้านครัวเรือน ผู้ผลิตสินค้าเกษตรเป็นประเภทเดียวในโลกที่กำหนดราคาเองไม่ได้จึงเป็นที่มาว่าทำไมรัฐบาลต้องเข้ามาแทรกแซง”
นายวัฒนา กล่าวต่อว่า เกษตรกรที่เข้าโครงการจำนำข้าวจะได้เครดิตทันที 70% ของปริมาณผลผลิตซึ่งคำนวณตามหลักการเดียวกับประกันรายได้ และได้บัตรเครดิตไปซื้อปัจจัยการผลิต ลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบ โดยชาวนาที่เข้าร่วมโครงการจะมีข้าวเป็นหลักประกัน ต่างจากนโยบายประชาธิปัตย์ที่ปลูกไม่ปลูกจ่ายก่อน 2,000 บาทต่อไร่ แต่เพื่อไทยหากไม่ปลูกก็ไม่ได้ นโยบายนี้ไม่เอาปลาใหญ่ไปให้ แต่เป็นการสอนให้รู้จักหา และยังปิดช่องความผันผวนของราคาตลาด เพราะอย่างไรจะได้ 15,000 แน่นอนทุกคน
นายวัฒนา กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าราคาข้าวในประเทศที่มีราคาสูงและนิ่งจะทำให้ผู้ส่งออกสามารถบวก ราคาและทำตลาดข้าวในตลาดโลกได้สูง หากกำหนดราคาต่ำ ผู้นำเข้าข้าวไทยเมื่อรู้ราคาในประเทศและบวกราคาขายเพิ่มขายในตลาดโลกก็จะไม่สูงอย่างที่คิด เกษตรกรจะได้ราคาต่ำไปด้วย เช่น ประกันรายได้ แม้รัฐบาลกำหนดราคาข้าว แต่เมื่อขายในตลาดแท้จริงจะอยู่ที่ 5,000-8,000 บาท โดยเกษตรกรจะได้ส่วนต่าง แต่การทำตลาดต่างประเทศกลับไม่ได้สูงขึ้น ส่วนของประกันภัยพืชผลนั้นพรรคประชาธิปัตย์ได้กำหนดไว้ 2,000 บาทต่อตัน แต่พรรคเพื่อไทยให้ 4,000 บาทต่อตัน
“แม้จะใช้เงินภาษีการรับจำนำค่อนข้างสูง แต่ถือว่าเกษตรกรส่วนใหญ่สามารถขายสินค้าเกษตรได้ราคาที่เหมาะสม”
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่พรรคการเมืองกำหนดราคาข้าวทั้งโครงการประกันรายได้และรับจำนำค่อนข้างสูง เพราะเพ้อฝัน การกำหนดราคาสูงจะทำให้ต้นทุนสูงไปด้วย จึงมองว่าใครที่จะมาเป็นรัฐบาลน่าจะประกาศแนวทางสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพให้เกษตรกรอยู่ดีกินดี มีสังคมดีขึ้น มีการศึกษาดี มีความมั่นคง ไม่ใช่ทำให้เกษตรกรเป็นหนี้เพิ่ม หลังจากนี้สมาคมที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรจะจัดทำยุทธศาสตร์การกินดีอยู่ดีนำเสนอ หากไม่ดำเนินการก็จะทวงถาม ทั้งนี้เห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีนโยบายพรรคใดสร้างเกษตรกรให้อยู่ดีกินดี
นายโนรี ศรีสมุทรนาค นายกสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวนาเดือดร้อนออกมาเรียกร้องบนท้องถนนขอเลือกราคาข้าวที่เหมาะสม แต่ไม่เคยมีใครฟังหรือสนใจ แต่วันนี้มีการประกาศนโยบายแข่งขันด้านราคา ไม่แน่ใจว่าชาวนาจะถูกหลอกอีกหรือไม่ จะหวังได้สักกี่เปอร์เซ็นต์กับรัฐบาลใหม่
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ อดีตนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า นโยบายของ 2 พรรคมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ใครจะมาเป็นรัฐบาลต้องไม่ทำให้ตลาดบิดเบือนหรือราคาข้าวสูงเกินจริง เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออก แม้ไทยจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก แต่มีคู่แข่งจากประเทศคู่ค้า เช่น เวียดนาม กัมพูชา พม่า เพราะประเทศเหล่านี้เริ่มหันมาผลิตข้าวคุณภาพดี หากไทยยังคงกำหนดราคาตลาดที่บิดเบือนอาจจะแพ้ประเทศคู่แข่ง.