สร้างปัญหาต้องแก้เอง "อัมมาร" ลั่นทำโทษรัฐบาล จับ ‘ขัง’ อยู่กับโครงการจำนำข้าว!
"เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อความเสียหายของประเทศชาติ
ไม่ทางการเมืองก็ทางกฎหมาย ฝากฝ่ายค้านจี้ให้ถึงที่สุด
แต่อย่ารับไปทำเอง ไม่อย่างนั้นตายแล้วก็ยังต้องรับผิดชอบ"
(ขอบคุณภาพประกอบจาก www.brd.ocsc.go.th)
วันที่ 15 ตุลาคม 2556 12 องค์กรภาคีร่วมจัดงานรำลึก 100 ปี ชาตกาล อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ โครงการอาจารย์ป๋วย จริยธรรม กับการต่อต้านการคอร์รัปชั่น ในชื่อ "มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต" ความรับผิดชอบทางจริยธรรมเป็นความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ" ศ.ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวอารัมภกถา ป๋วย อึ๋งภากรณ์ : 1 ศตวรรษของผู้สุจริต ณ ห้องประชุม 212 อาคารมหิตลาธิเบศร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศ.ดร.อัมมาร เริ่มต้นกล่าวถึง 'อาจารย์ป๋วย' ว่าเป็นผู้คิดค้นภาษีส่งออกข้าว ด้วยการสะสางปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนหลายอัตรา ที่เดิมธนาคารแห่งประเทศไทยเคยเป็นผู้ผูกขาด และสามารถหมกเม็ดได้ ซึ่งข้อนี้นับเป็นคุณูปการสำคัญ เนื่องจากเป็นการกำจัด สะสางคอร์รัปชั่น ทำให้เป็นภาษีทีมีความชัดเจน
แต่ปัจจุบันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไป ทำเพื่อประชาชนมากขึ้น ประชานิยมมากขึ้น ให้ราคาสินค้ากับเกษตรกรดี เกษตรกรได้รับเหนาะๆ และนักการเมืองมักอ้างว่า ได้แก้ปัญหาเกษตรกรโดยการให้ราคาดีแล้ว ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ง่าย แต่ในระยะยาวสามารถทำได้หรือไม่
คุณูปการของรัฐบาลนี้ ชี้ให้เห็นว่า การยกราคาขึ้นโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ แม้จะช่วยเหลือเกษตรกรได้ แต่ไม่ใช้วิธีที่ยั่งยืน ไม่ถาวร
ผมขอทิ้งโจทย์ไว้ว่า เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ มองไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร...
"แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ขอรับผิดชอบแก้ไขปัญหานี้ แต่จะบอกกับรัฐบาลนี้ว่า เอ็งสร้างปัญหา เอ็งต้องแก้ต่อไป แก้ให้สุด และรับผิดชอบทั้งการเสียคะแนนและการทำให้คนเดือดร้อน เพราะจำนำข้าว ที่เป็นนโยบายของท่าน"
และขอพูดกับประชาธิปัตย์ ว่า ผมไม่ต้องการเป็นธารินทร์คนที่ 2 (ธารินทร์ นิมมานเหมินท์) และไม่ต้องการให้ใครมาเป็นผู้รับบาปนี้ ทั้งนี้ การที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบการกระทำนี้จะทำให้ประชาชนได้เรียนรู้ว่า การแก้ปัญหาจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นอย่างไร
โจทย์ข้อแรก...ขณะนี้ราคาข้าวโลกโน้มต่ำลงอย่างรุนแรง และรวดเร็วใน 3-4 เดือนนี้ เพราะตลาดโลกเริ่มเห็นว่าข้าวในสต็อก ที่เก็บเป็นความลับสุดยอด ไม่สามารถเปิดเผยได้ กระทั่งรัฐมนตรีท่านก่อน (บุญทรง เตริยาภิรมย์) หลุดออกมาว่ามีกว่า 17 ล้านตัน และล่าสุดบอกว่ามีประมาณ 10 ล้านตัน ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สต็อกข้าวจำนวนมาก ล้นโกดังเช่นนี้
โจทย์ข้อต่อมา...เวลานี้รัฐบาลมีหนี้อันเกิดขึ้นจากการจำนำข้าวแล้วกว่า 5-6 แสนล้านบาท จนเกินวงเงินที่ตั้งไว้ และกำลังจะเกินกำลังผู้ให้กู้ทุกแหล่งกู้ ไม่ว่าจะเป็น ธกส.หรือธนาคารของรัฐก็เริ่มติดเพดานแล้ว
โจทย์ข้อที่ 3 ...ปัญหาการขายข้าวคุณภาพสูง เพราะในอนาคตการบริโภคข้าวจะลดน้อยลง เน้นเพิ่มคุณภาพข้าว ทำให้ไทยสู้ตลาดโลกไม่ได้ ราคาที่ชาวนาได้ในที่สุดเป็นราคาที่ขายข้าวได้ในตลาดโลก แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามทุ่มเทเงิน แต่ตอนนี้รัฐบาลกำลังบ่จี๊ กำลังไม่มีเงิน
คิดว่ากระทรวงการคลังเริ่มเห็นว่าค่าใช้จ่ายจากการขาดทุนต่างๆ เริ่มมากขึ้น คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการแจงรายงานการปิดบัญชีว่า เห็นปัญหาต่างๆ ซึ่งทำให้กระทรวงการคลังหมดอะไรตายอยาก ไม่อยากให้กู้ยืมมาก โดยเฉพาะข้าราชการกระทรวงคลัง ขณะที่รัฐมนตรีช่วงนี้ก็ดูเงียบๆ ไป เช่นเดียวกับนายกฯ จากดูไบ
ตอนนี้ถึงจุดต้องแก้ไขปัญหา แต่จะแก้อย่างไรให้เดือดร้อนน้อยที่สุด ที่ผ่านมารัฐบาลนับว่าประสบความสำเร็จ แม้จะมีการโกงกินกันบ้าง แต่ก็โกงแบบมีจริยธรรม เป็นการโกงกิน 'ขาออก' จากโกดังรัฐบาล ด้วยคิดว่าเป็นเงินของรัฐ
จากนี้ไม่ว่าจะหันซ้ายหรือหันขวา สิ่งที่จะเกิดขึ้นประการแรกคือ ราคาข้าวในตลาดจะตกแน่ สต็อกข้าวจะต้องระบายออกมา ไม่อย่างนั้นข้าวจะเน่าและเป็นภาระของรัฐบาล แต่ไม่ว่าอย่างไร...ก็เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อความเสียหายของประเทศชาติไม่ทางการเมืองก็ทางกฎหมาย
และฝากให้ฝ่ายค้านจี้ให้ถึงที่สุด อย่ารับไปทำเอง ไม่อย่างนั้นตายแล้วก็ยังต้องรับผิดชอบ!!
นี่คือวิธีการ 'ทำโทษ' ของผม ต้อง 'จับให้ขังอยู่กับการจำนำข้าว' ให้แก้ไขอย่างถึงที่สุด ต้องรับผิดชอบกับเงินที่สูญเสียไป อย่างไรก็ตาม ขอฝากโจทย์เหล่านี้ไว้ ปัญหาที่รัฐบาลมีขณะนี้คือ ข้าวกำลังล้นตลาด แต่ไม่ใช่ข้าวคุณภาพดี