อัยการแจงตีกลับคดีไร่ส้ม ป.ป.ช. เพราะ ”สรยุทธ” ขอความเป็นธรรม
อัยการแจงตีกลับสำนวน "คดีไร่ส้ม" ป.ป.ช. ไปหาพยานหลักฐานเพิ่ม เพราะพบข้อไม่สมบูรณ์ และ ”ไร่ส้ม-สรยุทธ” ขอความเป็นธรรม-“อรรถพล” เชื่อทำเสร็จในปีนี้
(สรยุทธ สุทัศนะจินดา - ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2556 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ นายนันทศักดิ์ พูลสุข โฆษกอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวชี้แจงถึงสาเหตุที่ อสส.ตีกลับสำนวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดพนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) บริษัท ไร่ส้ม จำกัด นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง กับพวก ในคดียักยอกเงินโฆษกจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กว่า 138 ล้านบาท จากการร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ระหว่างปี 2547-2549 ว่า เนื่องจากพนักงานอัยการได้รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ ประกอบกับพิจารณาสำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งมา แล้วเห็นว่า มีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ อสส.จึงได้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบ พร้อมกับตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ และหาข้อยุติในการดำเนินการฟ้องคดี
นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล ผู้ตรวจการอัยการ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีดัง เนื่องจากผู้ถูกกล่าว่า เป็นสื่อคนดังประชาชนจึงให้ความสนใจ โดยมีการร้องขอความเป็นธรรมมาหลายประเด็น ซึ่งตามระเบียบ อสส.จะต้องให้ความเป็นธรรม และเมื่อเราพิจารณาประเด็นขอความเป็นธรรม เห็นว่า บางประเด็นจะต้องหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการ โดย อสส.ให้นโยบายว่าคดีนี้จะต้องใช้ความรอบคอบ และดำเนินการอย่างรวดเร็ว
เมื่อถามว่าคดีนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่พิจารณาอยู่ในศาลปกครองหรือไม่ นายวินัย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน
เมื่อถามว่าประเด็นที่ทางบริษัทไร่ส้มกับนายสรยุทธร้องขอความเป็นธรรม มีประเด็นอะไรที่แตกต่างจากสำนวนคดีของ ป.ป.ช.บ้าง นายวินัย กล่าวว่า จำไม่ได้เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมาก
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อสส. กล่าวว่า ในการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการ จะต้องมีการกำหนดกรอบเวลา สิ่งสำคัญคือให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ข้ามปีแน่นอน ถ้ารวบรวมพยานหลักฐานได้