บันทึก 6 ตุลาคม 2519

วันนี้ (6 ต.ค.2556) แฟนเพจของ “วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์” อดีตบรรณาธิการนิตยสารสารคดี อดีตรองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และนักเขียนเจ้าของรางวัลศรีบูรพา ประจำปี 2554 ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 สำนักข่าวอิศราเห็นว่ามีเนื้อหาน่าสนใจ จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ
00000
บันทึก 6 ตุลาคม 2519
ก่อนคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ตอนนั้นผู้เขียนอยู่โรงเรียนอัสสัมชัญชั้น ม.ศ.3 (ม.4 ปัจจุบัน )ทุกเย็นหลังจากเลิกเรียน ผู้เขียนก็มาร่วมชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนรถเมล์เที่ยวสุดท้ายถึงได้กลับบ้าน เรื่อยมาถึงคืนวันที่ 5 ตุลาคม 2519 สถานการณ์เลวร้ายลง มีการปล่อยข่าวว่าจะมีการทำรัฐประหารจะมีการล้อมปราบปราบนักศึกษาการ์ดทำงานวางแผนรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งเครียดผู้เขียนนั่งอยู่ในสนามฟุตบอลจนใกล้เที่ยงคืน ได้พบพี่สาวคนโต (มด-วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งสมัชชาคนจน)ได้ไล่ให้กลับบ้านเพราะไม่ปลอดภัยผู้เขียนจึงคิดจะกลับไปเปลี่ยนชุดนักเรียนที่บ้านเพื่อจะกลับมาร่วมชุมนุมใหม่ แต่พอกลับเข้าบ้านแล้ว ปรากฏว่าพ่อแม่ไม่ยอมให้ออกจากบ้านเด็ดขาด และเอาเข็มขัดมาเฆี่ยนตีด้วยความเป็นห่วงและลูกสาวคนโตยังไม่กลับบ้าน
ตอนสายข่าวโทรทัศน์ช่อง 4 (ช่อง 9 ปัจจุบัน) ได้รายงานข่าวเพียงช่องเดียว ทำให้ทราบว่ามีการล้อมปราบนักศึกษาอย่างโหดร้ายที่สุดมีข่าวลือมากมายว่านักศึกษาหลายคนที่โดนยิงตายถูกนำร่างไปแทงปอดและทิ้งลงทะเลที่ชลบุรี ตกเย็นพวกผู้นำทหารทำรัฐประหารประกาศเคอร์ฟิวหลังเที่ยงคืนไม่ให้คนออกจากบ้านสิ่งที่ผู้เขียนคิดได้ขณะนั้นคือต้องออกตามหาพี่สาวและเพื่อนหลายคนว่ามีชีวิตอยู่หรือเปล่า
คืนนั้นนอนไม่หลับนอนน้ำตาไหลคิดถึงคนรู้จักว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร วันรุ่งขึ้นผู้เขียนและเพื่อนได้ตระเวนแบ่งกันไปตามโรงพยาบาล เพื่อหาผู้รอดชีวิตหรือไม่ก็ไปดูศพผู้เสียชีวิตว่าจะรู้จักหรือไม่ผู้เขียนนั่งรถเมล์ไปดูเหตุการณ์ที่หน้าธรรมศาสตร์ทหารถือปืนกันไม่ให้คนเข้าไป ผู้เขียนเดินต่อไปที่ท้องสนามหลวงเห็นคนมุงซากไหม้ยางรถยนต์ยังมีควันกรุ่นและเห็นสิ่งของคล้ายกระดูกโผล่ออกมาจึงรู้ว่ามีคนถูกเผานั่งยางตรงนั้นและเย็นนั้นนั่งรถเมล์มาที่โรงเรียนพลตำรวจ บางเขน (สโมสรตำรวจในปัจจุบัน)ได้ข่าวว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่ถูกจับมาคุมขังไว้ที่นี่พวกเรารอฟังประกาศรายชื่อผู้ต้องหาด้วยความระทึกใจภาวนาให้มีชื่อของคนรู้จัก เพราะอย่างน้อยก็ทราบว่ายังไม่สูญหายหรือเสียชีวิต
เราได้พบชื่อของเพื่อนหลายคนแต่ไม่มีชื่อของพี่วนิดาซึ่งตอนนั้นเป็นแกนนำกรรมกรที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่งและเธอก็หนีรอดออกมาได้ ตัดสินใจเข้าป่าในเวลาต่อมา ส่วนผู้เขียนกลับบ้านและคืนนั้นเอาหนังสือฝ่ายซ้ายหลายสิบเล่มมาเผาลงถังสังกะสีไม่ให้เพื่อนบ้านรู้ ทำลายหลักฐานที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์และเวลานั้นใครต่อใครสามารถถูกจับกุมขังได้ทันทีข้อหา เป็นภัยต่อสังคม
นั่งเผาหนังสือไป น้ำตาก็นองหน้าด้วยความคับแค้นใจสภาพตอนนั้นเหมือนบ้านแตกสาแหรกขาด คิดถึงคนที่โดนยิงตายหลายคนคิดถึงอีกหลายคนที่ยังตามหาไม่เจอ แต่อัดอั้นตันใจไม่รู้จะทำอะไรได้เพราะทหาร ตำรวจครองเมืองกันหมด ใจหนึ่งก็อยากเข้าป่าเพื่อกลับมาแก้แค้นแต่ก็เป็นห่วงพ่อแม่ ที่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืนเพราะลูกสาวคนโตหายตัวไปเป็นอาทิตย์แล้ว
00000
