ศาลปค.กลาง สั่ง "อสมท." จ่าย "บ.ไร่ส้ม" 55.7 ล้าน คดีโฆษณาเกินเวลา
ศาลปกครองกลางสั่ง "อสมท." จ่าย 55.7 ล้าน ให้ "ไร่ส้ม" คดีโฆษณาเกินเวลา-ทั้ง 2 ฝ่ายเตรียมพิจารณยื่นอุทธรณ์ถึงศาลปกครองสูงสุด
(สรยุทธ สุทัศนะจินดา - ภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
ในวันนี้ (25 ก.ย.2556) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศาลปกครอง องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลาง ได้นั่งบัลลังก์แถลงคำพิพากษาคดี ระหว่างบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ผู้ฟ้องคดี กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดี ในคดีหมายเลขดำที่ 1141/2551 คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง (ขอให้ชำระเงินเนื่องจากผิดสัญญาร่วมดำเนินการรายการโทรทัศน์) ที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ขอให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ชำระเงินค่าโฆษณาเกินเวลาตามที่ระบุไว้ในสัญญาพร้อมส่วนลดคืน เป็นเงินกว่า 253 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดัง ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บ.ไร่ส้มไม่ได้เดินมารับฟังคำพิพากษา เพียงแต่ส่งทีมทนายความมารับฟังแทน
โดยองค์คณะตุลาการศาลปกครองมีมติด้วยเสียงข้างมาก พิพากษาให้ บมจ.อสมท.จ่ายเงินให้แก่ บ.ไร่ส้ม รวมเป็นเงินกว่า 55.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.การจ่ายเงินกรณี บมจ.อสมท.โฆษณาเกินเวลาตามที่ทำสัญญาไว้กับ บ.ไร่ส้ม ในการร่วมผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ระหว่างปี 2547-2549 และ 2.การจ่ายเงินคืนค่าส่วนลด 30% กรณี บ.ไร่ส้มจ่ายเงินค่าโฆษณาเกินเวลาตามที่ทำสัญญาไว้กับ บมจ.อสมท.กว่า 100 ล้านบาท แล้ว บมจ.อสมท.ไม่ได้หักค่าส่วนลด 30%
สำหรับคำพิพากษาในคดีนี้ ศาลได้อ่านโดยไล่ตามประเด็นที่ต้องวินิจฉัย 4 ประเด็น
1.ศาลปกครองมีอำนาจรับคดีนี้ไว้พิจารณาหรือไม่?
สำหรับ บมจ.อสมท เดิมเป็นรัฐวิสาหกิจ แม้ต่อมาจะแปรรูปเป็นบริษัทและเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่กระทรวงการคลังและธนาคารออมสินยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 51% จึงยังถือเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทหนึ่ง ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการสื่อสารมวลชนและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง บมจ.อสมท.จึงเป็นหน่วยงานที่ใช้อำนาจในทางปกครอง สัญญาที่ทำร่วมกับ บ.ไร่ส้ม จึงมีคู่สัญญาที่มีฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นจึงเป็นข้อพิพาททางปกครอง
ศาลปกครองจึงมีอำนาจรับคดีนี้ไว้พิจารณาได้
2.บมจ.อสมท.ต้องคืนเงินค่าส่วนลด 30% ที่ บ.ไร่ส้มจ่ายให้กับ บมจ.อสมท.จากการโฆษณาเกินเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาหรือไม่?
สัญญาระหว่าง บมจ.อสมท.กับ บ.ไร่ส้ม ให้มาร่วมผลิตรายการ มีการกำหนดอัตราค่าโฆษณาและเวลาในการโฆษณาของแต่ละฝ่ายเอาไว้ โดยรายการ "คุยคุ้ยข่าว วันเสาร์-วันอาทิตย์" มีอัตราค่าโฆษณาขั้นต่ำนาทีละ 200,000 บาท แบ่งเวลาโฆษณาฝ่ายละ 5 นาที หากฝ่ายใดโฆษณาเกินจะต้องชำระค่าโฆษณาเกินให้อีกฝ่ายในอัตรานาทีละ 200,000 บาท โดยหักค่าส่วนลด 30% ส่วนรายการ "คุยคุ้ยข่าว วันจันทร์-วันศุกร์" มีอัตราค่าโฆษณาขั้นต่ำนาทีละ 220,000 บาท แบ่งเวลาโฆษณาฝ่ายละ 5 นาที หากฝ่ายใดโฆษณาเกินจะต้องชำระค่าโฆษณาเกินให้อีกฝ่ายในอัตรานาทีละ 220,000 บาท โดยหักค่าส่วนลด 30%
โดยข้อเท็จจริงปรากฎว่า บมจ.อสมท.แจ้งต่อ บ.ไร่ส้มว่า มีการโฆษณาเกินสัญญาเป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท เมื่อหักค่าส่วนลด 30% ก็จะเหลือกว่า 103 ล้านบาท โดย บ.ไร่ส้มก็ยอมชำระค่าโฆษณาเกินดังกล่าวให้กับ บมจ.อสมท. แต่ต่อมา บมจ.อสมท.แจ้งว่าไม่สามารถหักค่าส่วนลด 30% ได้ ทำให้ บ.ไร่ส้มต้องจ่ายเงินแก่ บมจ.อสมท.เพิ่มเติมอีก 49 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา บ.ไร่ส้มเห็นว่าตนเองมีสิทธิได้รับค่าส่วนลดดังกล่าว จึงแจ้งต่อ บมจ.อสมท.ให้คืนเงินค่าส่วนลดให้ แต่ บมจ.อสมท.กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ที่สุด บ.ไร่ส้มจึงยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เรียกค่าส่วนลดดังกล่าว ซึ่งเมื่อรวมกับดอกเบี้ย เป็นเงินกว่า 55 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาพยานหลักฐาน พบว่า บ.ไร่ส้มปฎิบัติตามข้อกำหนดของ บมจ.อสมท.ทุกประการ และการโฆษณาเกินเวลาในสัญญา จะต้องมีการส่งใบคิวโฆษณาก่อนออกอากาศเสมอ เนื่องจาก บมจ.อสมท.จะไปตรวจสอบว่ามีเวลาว่างหรือไม่ หากไม่มีก็ไม่สามารถโฆษณาเกินเวลาในสัญญาได้
ที่ บมจ.อสมท. อ้างถึงคำพิพากษาของศาลแพ่งที่ให้ บ.ไร่ส้มจ่ายเงินโฆษณาเกินเวลาในสัญญาให้กับ บมจ.อสมท.เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท เป็นคนละประเด็นกับคดีนี้ และที่มีผลสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งชุดภายใน บมจ.อสมท.เอง หรือชุดที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.เป็นประธาน กรณีที่มีการจ่ายเช็คเงินสดให้กับนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด พนักงาน บมจ.อสมท.ที่ดูแลเกี่ยวกับการโฆษณารายการ "คุยคุ้ยข่าว" ซึ่งสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการทำคิวโฆษณาเกินเวลาให้กับ บ.ไร่ส้ม โดย บ.ไร่ส้มโต้แย้งว่าเป็นค่าคอมมิชชั่นในการช่วยดูแลเรื่องการโฆษณาให้ แม้จะปรากฎข้อเท็จจริงว่า บ.ไร่ส้มจ่ายเช็คให้กับนางพิชชาภาจริง แต่ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรง นอกจากนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาของ บมจ.อสมท. มีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ลำพังนางพิชชาภาคนเดียวคงยากที่จะปกปิด เรื่องการโฆษณาเกินเวลาในสัญญาของ บ.ไร่ส้มได้
และแม้พฤติกรรมของ บ.ไร่ส้มกรณีที่ไม่แจ้งต่อ บมจ.อสมท.ว่ามีการโฆษณาเกินเวลากว่า 138 ล้านบาท เป็นเวลาปีครึ่ง ก่อนที่ บมจ.อสมท.จะตรวจสอบพบ และแจ้งต่อ บ.ไร่ส้มให้จ่ายเงินดังกลาว จะเป็นพฤติกรรมที่ชวนสงสัย แต่ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องการกำไรสูงสุดจากการดำเนินการ นอกจากนี้ บ.ไร่ส้มยังเป็นผู้ประกอบการวิชาชีพสื่อ หากมีปัญหาเรื่องการทุจริตจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือจนไม่อาจประกอบอาชีพต่อไปได้
ศาลจึงพิพากษาให้ บมจ.อสมท.คืนเงินส่วนลด ให้กับ บ.ไร่ส้ม
3.หาก บมจ.อสมท.ต้องชำระค่าส่วนลดคืนให้แก่ บ.ไร่ส้ม จะต้องชำระคืนเพียงใด?
ค่าส่วนลดของ บ.ไร่ส้มจากการโฆษณาเกินเวลาในสัญญากว่า 138 ล้านบาท อยู่ที่ 49 ล้านบาท เมื่อรวมดอกเบี้ยด้วยจะทำให้ตกอยู่ที่กว่า 55 ล้านบาท
4.บมจ.อสมท.จะต้องจ่ายค่าโฆษณาเกินเวลาในสัญญาให้กับ บ.ไร่ส้มหรือไม่?
จากข้อเท็จจริงการแบ่งเวลาโฆษณาจากรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ในสัญญาระหว่าง บ.ไร่ส้มกับ บมจ.อสมท.มิได้เท่ากันโดยตลอด กรณีจึงไม่ใช่สัญญาแบบ time sharing หรือ 50:50 ดังนั้น บมจ.อสมท.จึงมีภาระต้องจ่ายค่าโฆษณาเกินเวลาในสัญญาให้กับ บ.ไร่ส้มในกรณีที่ล้ำเวลาโฆษณาที่ บ.ไร่ส้มได้รับการจัดสรรไว้ตามสัญญาเท่านั้น โดยพบว่า บมจ.อสมท.ได้โฆษณาเกินเวลาในสัญญาและล้ำเข้าไปในเวลาโฆษณาที่ บ.ไร่ส้มได้รับการจัดสรรไว้ตามสัญญาหลายครั้ง รวมเป็นเวลากว่า 2.5 แสนบาท
"ศาลจึงพิพากษาให้ บมจ.อสมท.ชำระคืนเงินค่าส่วนสดและค่าโฆษณาเกินเวลาในสัญญา ให้แก่ บ.ไร่ส้มเป็นเวลา 55,777,019 บาท รวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คดีนี้ถึงที่สุด" คำพิพากษาศาลปกครองกลางระบุ
ทั้งนี้ หลังศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาจบ ตัวแทนทั้งฝ่าย บ.ไร่ส้มกับ บมจ.อสมท.ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
โดยทนายความของ บ.ไร่ส้ม ก็ให้สัมภาษณ์ว่า จะกลับไปหารือกับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนายสรยุทธและกรรมการ บ.ไร่ส้มคนอื่นๆ ว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ เพราะแม้กรณีขอคืนค่าส่วนลด ศาลจะให้เต็มตามคำฟ้อง แต่กรณี บมจ.อสมท.โฆษณาเกินเวลาในสัญญา ศาลกลับมองเฉพาะกรณีที่ล้ำเวลาโฆษณาที่ บ.ไร่ส้มได้รับการจัดสรรเท่านั้น รวมเป็นเงินแค่กว่า 2 แสนบาท น้อยกว่าในคำฟ้องที่ระบุไว้กว่า 100 ล้านบาท
ด้านตัวแทน บมจ.อสมท.ที่มารับฟังคำพิพากษาก็ให้สัมภาษณ์ว่า คงจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตามกฎหมายให้เวลา 30 วัน เนื่องจาก บมจ.อสมท.เป็นหน่วยงานของรัฐ และที่ผ่านมาก็ยืนยันว่าทำถูกต้องทุกประการ นอกจากนี้ ยังทราบว่าผลการตัดสินออกมาเฉียดฉิวมากที่มติ 3:2 โดยตุลาการเสียงข้างน้อยในองค์คณะคดีนี้ก็เห็นต่างจากตุลาการเสียงข้างมากโดยระบุว่า บมจ.อสมท.ไม่ควรจ่ายเงินให้กับ บ.ไร่ส้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เป็นคดีทางปกครอง เป็นคนละกรณีกับที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลเมื่อปลายปี 2555 ด้วยมติ 7:0 ว่า บ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ และพนักงาน บมจ.อสมท.มีความผิดฐานยักยอกเงินโฆษณาเกินเวลาที่ระบุไว้ในสัญญากว่า 138 ล้านบาท ซึ่งเป็นคดีอาญา ที่ล่าสุด อัยการสูงสุดได้ตีกลับสำนวนคดีดังกล่าวมาให้กับ ป.ป.ช.หลังพบข้อไม่สมบูรณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนังสือ "อัยการ" แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ คดี "สรยุทธ-บ.ไร่ส้ม" ถึงมือ ป.ป.ช.แล้ว
“สรยุทธ” โผล่เล่าความกลางศาล ปค. ร่ายยาว 45 นาที ในคดี บ.ไร่ส้มฟ้อง อสมท.