ชาววังสะพุงจี้ตร.จับชายฉกรรจ์รื้อกำแพงกั้นรถขนสารพิษเข้าชุมชน
กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด จ.เลย ร่อนแถลงการณ์ประณามกลุ่มชายฉกรรจ์รื้อกำแพงกั้นรถขนสารพิษเข้าชุมชน ชี้พฤติกรรมป่าเถื่อน สิ้นคิด ไร้ความเป็นมนุษย์ จี้หน่วยงานรัฐสางปัญหาเยียวยาผู้รับผลกระทบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คนสวมหมวกไอ้โม่งโดยมีคนอีกกลุ่มหนึ่งพกปืนคอยยืนคุ้มกัน เข้ามาลงมือทุบกำแพง ซึ่งทางชุมชนต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย และกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ได้ก่อสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผู้ประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ ขนสารเคมีอันตรายผ่านชุมชนตามที่ประกาศใช้ร่วมกันใน 6 ชุมชนตาม ‘ระเบียบชุมชน ว่าด้วยการใช้ถนนชุมชนและการควบคุมน้ำหนักบรรทุก’ ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าการกระทำดังกล่าวรุนแรงและไม่เคารพต่อสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ล่าสุด วันที่ 22 ก.ย.2556 กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ออกแถลงการณ์โต้ตอบ เพื่อแสดงจุดยืนต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ใจความว่า บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้เริ่มกิจการเหมืองแร่ทองคำเมื่อปี 2549 เป็นต้นมา ด้วยการอนุมัติจาก กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยความคาดหวังริเริ่มว่าจะทำให้ราษฎรทั้ง 6 หมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงของต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย มีงานทำเพิ่มรายได้ เศรษฐกิจจะดีขึ้น ทั้งในระดับครอบครัว จังหวัด และประเทศชาติ
ก่อนดำเนินการเหมืองแร่ทองคำ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้ดำเนินการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)และได้รับการอนุมัติ จวบจนได้รับใบอนุญาตประทานบัตรให้ดำเนินการกิจการเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งคาดว่าการอนุมัติให้ผ่านอีไอเอนั้นจะเป็นหลักประกันและควบคุมดูแลความปลอดภัยในด้านสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่รอบ ๆ เหมืองแร่ทองคำ
แต่แล้วในปี 2550 ชาวบ้านกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้รับแจ้งความผิดปกติของน้ำให้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ จนมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐและนำไปสู่การลงโทษบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ในความผิดบกพร่อง เป็นการลงโทษปรับจำนวนเงิน 2,000 บาท ต่อมาในปี 2553 เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับจังหวัดนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมนักข่าวทั้งท้องถิ่นและส่วนกลาง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้งและเห็นร่องรอยของผนังเขื่อนกักเก็บกากสารไซยาไนด์ มีรอยปริรั่วซึมด้านทิศใต้ แต่ไม่มีความคืบหน้าประการใด
“ปัญหาและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำบาดาล น้ำผิวดิน สัตว์น้ำ พืชผักน้ำ ตลอดจนการปนเปื้อนสารไซยาไนด์ ตะกั่ว และปรอท ในเลือดของราษฎร 6 หมู่บ้าน รวมทั้งการแตกแยกความสามัคคีของราษฎร 6 หมู่บ้าน มีการฟ้องร้องกล่าวหากันจนเป็นความในชั้นศาลเกิดขึ้นตลอดเป็นเนื่อง ๆ” แถลงการณ์ระบุ และว่าในปี 2555 เขื่อนกักเก็บกากสารไซยาไนด์ พังทลายลงอันเป็นเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตของประชาชนและสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดและบกพร่องอย่างใหญ่หลวง จนทำให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ถูกคำสั่งให้หยุดกิจการชั่วคราว แต่ก็ยังได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการต่อไปได้อีก
แถลงการณ์ ระบุต่อว่า ความพยายามในการที่จะดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ยังคงดำเนินการต่อไปไม่อย่างสิ้นสุด ทั้ง ๆ ที่การดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำได้สร้างความเดือดร้อนและความไม่สงบในพื้นที่มาตลอด โดยการจะขยายพื้นที่การทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ใหม่เรื่อย ๆ เช่น ที่แปลง104/2538 และ แปลง 76/2539 ทั้ง ๆ ที่มีมติและเป็นคำสั่งของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 ให้ชะลอการขยายพื้นที่การทำเหมือง หาสาเหตุของการปนเปื้อน และศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แต่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ไม่ใยดีต่อคำสั่งของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดการละเมิดโดยการปิดกั้นไม่ให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมการประชุมการทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2555 และ วันที่ 8 กันยายน 2556
“เหตุการณ์ยังไม่หยุดเท่านั้น บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ยังได้ฟ้องร้องราษฎรผู้เรียกร้องความเป็นธรรมในคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายเป็นเงินมากกว่า 50 ล้านบาท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ได้รับความใส่ใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งทำได้เพียงการเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์รายงาน และ เงียบหายไป” แถลงการณ์ ระบุ และเราในนามของ “กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน” เห็นว่าบริษัท ทุ่งคำ จำกัด และเจ้าหน้าที่ของรัฐบางหน่วยงาน ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดมา เห็นได้ประจักษ์แล้วว่า ความผิดที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้กระทำผิดนั้น มีการลงโทษเพียงตักเตือน ปรับ หรือหยุดกิจการชั่วคราวเท่านั้น
แถลงการณ์ เปิดเผยต่อว่า กระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2556 ณ เวลาประมาณ 23.00 - 24.00 น. มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนไม่ต่ำว่า 20 คนพร้อมอาวุธสวมหมวกผ้าไหมพรมคลุมปิดหน้า ทำลายกำแพงที่ปิดกั้นขวางเส้นทางที่ถูกสร้างโดยราษฎรและกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านเพื่อปกป้องแผ่นดินแม่ พังทลายลงโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไม่ใยดีใด ๆ ทั้งสิ้น เปิดเส้นทางให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัดได้ผ่านขึ้นหรือลงพื้นที่ทำการเหมืองตามปกติ เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเจ็บปวดให้กับราษฎร 6 หมู่บ้านเป็นอย่างยิ่ง
ในเบื้องต้น “กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน” ขอประณามการทำลายกำแพงที่ปิดกั้นถนนเพื่อดูแลและป้องกันเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ราษฎร บริเวณรอบเหมืองแร่ทองคำ เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ไร้จิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ โลภอยากได้เป็นของตน โง่เขลา สิ้นคิด เราขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวมาทำการลงโทษ อีกทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบกรณีพิพาทระหว่างบริษัท ทุ่งคำ จำกัด กับ ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจาก 6 หมู่บ้าน ทำการสอบสวนเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
พร้อมระบุอีกว่า กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จะทำการปกป้องแผ่นดินแม่ และต่อสู้กับความอยุติธรรมทุกรูปแบบตามกรอบของกฎหมาย อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม .