แข่งเรือ มอเตอร์โชว์ ไทยไฟต์...ชายแดนใต้จัดได้ไม่แพ้ภาคอื่น
ในขณะที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยหวาดผวากับการเดินทางเข้าพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะรู้สึกว่าเป็นดินแดนอันตราย มีแต่ข่าวร้ายๆ ไม่ลอบวางระเบิดก็ยิงครูนั้น ปรากฏว่าอีกหลายๆ หน่วยงานได้พยายาม "จัดงาน-ปั้นกิจกรรม" ที่ทำให้ผู้คนได้เห็นว่าแท้ที่จริงแล้วสามจังหวัดใต้มีกิจกรรมมากมายไม่ต่างจากภูมิภาคอื่น
ล่าสุดผู้จัดมวย "ไทยไฟต์" อันโด่งดัง ยังเลือก จ.ปัตตานี เป็นสถานที่เปิดสังเวียนเพื่อโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้ได้ลือลั่นกันที่ปลายด้ามขวานอีกด้วย ใครที่เล่นอินเทอร์เน็ต คลิกเข้าเว็บไซต์ ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) ยามนี้ จะพบโฆษณาขนาดใหญ่พร้อมโฉมหน้านักมวยไทยชื่อดังที่จะเข้าร่วมรายการ โดยการชกจะมีขึ้นช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย.2556 ที่สนามฟุตบอล เดอะเรนโบว์ สเตเดียม อ.เมืองปัตตานี
นพรัตน์ พุทธรัตนมณี รองประธานจัด "ไทยไฟต์" เล่าให้ฟังว่า การเปิดสังเวียน "ไทยไฟต์" ที่ปัตตานี เป็นไอเดียดีๆ ของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ในฐานะประธานอำนวยการจัดการแข่งขัน ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่นำโดย ศอ.บต.และสำนักงานจังหวัดปัตตานี แม้ทุกทัวร์นาเมนท์ของ "ไทยไฟต์" จะมีตารางเวลาล็อคไว้หมดแล้ว แต่ก็สามารถแทรกโปรแกรมพิเศษสำหรับพื้นที่ชายแดนใต้ได้เหมือนกัน
"สามจังหวัดใต้มีปัญหาส่วนหนึ่งเพราะผู้คนได้รับข่าวสารเพียงด้านเดียวว่าเกิดเหตุการณ์โน่นนี่นั่นแทบทุกวัน ในขณะที่ข่าวดีไม่ค่อยจะมี ทั้งๆ ที่ในพื้นที่มีเรื่องดีๆ มากมาย ตอนผมได้มาปัตตานีครั้งแรกเพื่อดูบรรยากาศและสถานที่จัด สิ่งที่ผมรู้สึกได้ก็คือว่าคนที่นี่มีความสุขกัน และยังใช้ชีวิตปกติมาก เรื่องแบบนี้ต้องไม่จำกัดแค่คนปัตตานีเท่านั้นที่รู้เห็นกันเอง เราอยากให้คนทั้งประเทศและคนทั้งโลกได้รับรู้ว่าคนปัตตานีก็มีความสุข ยังมีอีเวนท์ใหญ่ๆ ได้ และพร้อมต้อนรับทุกคนที่มาเยือน"
"ปัตตานีมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากมายที่เรามาขอพรแล้วประสบความสำเร็จ และต้องย้อนกลับมาเยือนอีกครั้ง ที่นี่มีอาหารอร่อย มีทะเลสวย การจัดไทยไฟต์จะช่วยสื่อให้คนนอกพื้นที่ได้เห็นว่าปัตตานียังมีความปลอดภัย การจัดงานของทีมงานไทยไฟต์เราก็รู้ดีว่าเข้ามาในพื้นที่ที่อาจจะมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องระมัดระวังไม่เข้าไปในพื้นที่ไม่ปลอดภัยเท่านั้นเอง"
กรุงเทพฯแบบไหน...ปัตตานีแบบนั้น
นพรัตน์ บอกด้วยว่า แม้จะเป็นการเปิดสังเวียนนัดพิเศษ แต่เมื่อจัดแล้วจะทำเล็กๆ ไม่ได้ ทำแบบ "ไม่จัดเต็ม" ก็ไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นใครเคยเห็นไทยไฟต์ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า (กรุงเทพฯ) อย่างไร ที่ปัตตานีก็จะได้เห็นแบบนั้น
"เรื่องเวทีเรามีคนพื้นที่มาช่วยทำงาน เราขนของมาเท่าที่จะเอามาได้ ขนโดยรถสิบล้อและเครื่องบินซี 130 เราจะสร้างความสุขและถ่ายทอดความสุขนี้ให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นกัน การมาของเราไม่ได้พึ่งพางบประมาณภาครัฐ ไม่ได้ไปรบกวนทางจังหวัด เพียงแค่ให้ทางจังหวัดช่วยประชาสัมพันธ์และเชิญพี่น้องมาช่วยกันสร้างความสุขเท่านั้นเอง นี่คือเรื่องน้ำใจล้วนๆ ไม่ใช่เรื่องธุรกิจแม้แต่นิดเดียว"
นพรัตน์ บอกด้วยว่า นักมวยไทยไฟต์ที่ร้อนแรงที่สุดในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้อง "อองตวน-ลีโอ ปินโต้" ที่แฟนๆ ขนานนามว่า "สุภาพบุรุษไทยไฟต์" หรือ สุดสาคร ส.กลิ่นมี ซึ่งเวลานี้ถือว่าเป็นนักมวยไทยที่โด่งดังที่สุดไปแล้ว และ ไทรโยค พุ่มพันธ์ม่วง รวมไปถึงนักมวยมุสลิมจาก จ.สงขลา "อามีน อาบังเข่าบิน" จะปรากฏตัวบนเวทีไทยไฟต์ทุกคนแน่นอน และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กๆ และเยาวชนหันมาสนใจกีฬามวย
แข่งเรือ ม.อ.ปัตตานี - มอเตอร์โชว์สุดคึก
ก่อนหน้านั้น เมื่อปลายเดือน ส.ค. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ได้ร่วมกับเทศบาลเมืองปัตตานี สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี จัดการแข่งขันเรือยาวประเพณี ม.อ.เทิดไท้องค์ราชัน ครั้งที่ 6 เนื่องในโอกาส 45 ปีแห่งการก่อตั้งมหาวิทยาลัย ชิงเงินรางวัลร่วมๆ 3 แสนบาท พร้อมถ้วยรางวัลจาก นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี
พิธีเปิดมีขึ้นในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 24 ส.ค. โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. บริเวณเชิงสะพานเดชานุชิต อ.เมืองปัตตานี โดยประเภทการแข่งขันประกอบด้วย เรือยาว 5 ฝีพายชาย เรือยาว 5 ฝีพายหญิง เรือยาว 10 ฝีพายชาย เรือยอกอง 5 ฝีพายชาย เรือมังกร 12 ฝีพายชาย และเรือมังกร 12 ฝีพายหญิง มีทีมเข้าแข่งขันจำนวน 50 ทีม จาก จ.ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสงขลา
ก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน คือ วันศุกร์ที่ 23 ส.ค. พ.ต.อ.ทวี คนเดิมได้เป็นประธานเปิดงานมหกรรมมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 7 ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 23-29 ส.ค.บริเวณลานข้างโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี กิจกรรมภายในงานมีการออกบูธของกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจอะไหล่ยนต์ ประดับยนต์ เครื่องเสียง และค่ายรถยนต์ ตลอดจนรถจักรยานยนต์เกือบทุกค่าย รวมทั้งรถที่ใช้ในการเกษตรด้วย โดยอัดแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษเกือบทุกบูธ
มุสลิมใต้เฮขึ้นเครื่องไปฮัจญ์ที่ "บ้านทอน"
นอกจากกิจกรรมบันเทิงแล้ว ยังมีกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาอิสลามที่ได้กระแสตอบรับอย่างมากจากพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ นั่นก็คือการเปิดให้บริการเที่ยวบินพิเศษที่ท่าอากาศยานนราธิวาส หรือที่รู้จักกันในนาม "สนามบินบ้านทอน" เพื่อรับ-ส่งผู้แสวงบุญที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
การเปิดเที่ยวบินพิเศษไปฮัจญ์ที่สนามบินบ้านทอน ถือเป็นประวัติศาสตร์ของพื้นที่ เพราะทุกๆ ปีต้องตะลอนไปขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ปีนี้ ศอ.บต. จับมือกับ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส และสำนักงานจังหวัดนราธิวาส เปิดเที่ยวบินพิเศษขึ้นมา
เที่ยวบินปฐมฤกษ์มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ก.ย. เป็นเที่ยวบิน "นราธิวาส-เจดดาห์ (ซาอุฯ)" ทั้ง 2 เที่ยว เที่ยวแรกออกเดินท างเวลา 13.10 น. ถึงท่าอากาศยานเจดดาห์เวลา 20.45 น. มีผู้แสวงบุญ 279 คน และเที่ยวที่ 2 เครื่องออกเวลา 16.05 น. ถึงท่าอากาศยานเจดดาห์เวลา 23.15 น. มีผู้แสวงบุญ 197 คน
ส่วนเที่ยวกลับ เที่ยวบินแรกวันที่ 22 ต.ค. ถึงท่าอากาศยานนราธิวาสเวลา 22.30 น. และเที่ยวที่ 2 วันที่ 23 ต.ค. ถึงท่าอากาศยานนราธิวาสเวลา 22.30 น.
นายอับดุลเลาะ มะกะนิ อายุ 61 ปี ผู้แสวงบุญจากบ้านควนหรัน อ.เทพา จ.สงขลา กล่าวว่า แม้ตนเองต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ จ.ภูเก็ต แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ข่าวว่า มีเพื่อนที่จะไปแสวงบุญปีนี้ได้มีโอกาสนั่งเครื่องบินจากสนามบินบ้านทอน เพราะจะทำให้สะดวกและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งของผู้ที่จะไปแสวงบุญเอง และของญาติพี่น้องที่มาส่ง เพราะระยะทางใกล้กว่า
"ถือเป็นการดำเนินการของภาครัฐที่ตรงตามความต้องการของพี่น้องประชาชน ต้องขอชื่นชมเลขาธิการ ศอ.บต.ที่สามารถทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายและดีด้วย"
ขณะที่ นายแวอาแซ อาเยาะแซ อายุ 57 ปี อดีตผู้แสวงบุญปีที่แล้วจาก อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ดีใจที่ปีนี้พี่น้องจากชายแดนภาคใต้สามารถเดินทางไปแสวงบุญโดยขึ้นเครื่องบินที่สนามบินบ้านทอน เชื่อว่าส่งผลดีทั้งเรื่องการเดินทางและค่าใช้จ่าย
"ถ้าย้อนไปสมัยผมเองที่ต้องไปขึ้นเครื่องบินที่กรุงเทพฯ ต้องเดินทางจากบ้านโดยรถไฟ กว่าจะถึงก็เหนื่อยมาก บางคนอายุเยอะๆ พอเหนื่อยก็จะทำให้ลืมของบ้าง ตั้งใจทิ้งของบ้าง เพราะไม่มีแรงจะถือของ เทียบกับสมัยดีต้องบอกว่าดีกว่าเยอะ" นายแวอาแซ บอก
ผู้แสวงบุญกลับบ้าน 23-24 ต.ค.
สำหรับเที่ยวบินที่อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประกอบด้วย ท่าอากาศยานนราธิวาส จำนวน 2 เที่ยวบิน ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จำนวน 7 เที่ยวบิน ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จำนวน 21 เที่ยวบิน และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 61 เที่ยวบิน โดยจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยระหว่างวันที่ 23-24 ต.ค.
ส่วนโควต้าของของผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในโครงการเยียวยาผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสนับสนุนโดย ศอ.บต.นั้น มีจำนวน 50 คน เดินทางเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2556 โดยสายการบินไทย ขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์มวย "ไทยไฟต์" (จากหน้าเว็บไซต์ ศอ.บต.)
2 นพรัตน์ พุทธรัตนมณี (ภาพโดย สมศักดิ์ หุ่นงาม)
3 การแข่งขันเรือยาวประเพณี (ภาพโดย เลขา เกลี้ยงเกลา)
4 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ในวันเปิดงานมอเตอร์โชว์
5-6 พิธีส่งผู้แสวงบุญเดินทางไปซาอุดิอาระเบีย
ขอบคุณ : ภาพที่ 4-6 โดยทีมประชาสัมพันธ์ ศอ.บต.