ปัญหาร้านอาหารศูนย์ราชการ ไร้อนาคต โวย!! ธพส.ลอยตัวเหนือปัญหา?
ร้านอาหารศูนย์ราชการไร้อนาคต ผู้ประกอบโวย ธพส.ลอยตัวเหนือปัญหา!! แถมรับฟังข้อมูลด้านเดียว ปูดผู้ดูแล จัดประชุมล็อบบี้ ให้เซ็นชื่อยืนยันไม่รับเงินคืน ไร้เจ้าหน้าที่เข้าร่วม?
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานความคืบหน้าล่าสุดกรณีผู้ประกอบการร้านอาหารในศูนย์อาหาร 4 ศูนย์ราชการ ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจ และเมื่อทำเรื่องร้องเรียนไปยังบริษัทธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอะไรขณะที่ เรื่องที่ร้องเรียนก็เงียบหายไป ว่า ภายหลังจากที่สำนักข่าวอิศรา ได้เดินทางไปยัง ศูนย์อาหาร 4 ศูนย์ราชการ เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อรับฟังคำชี้แจงจากผู้ดูแลศูนย์อาหารที่ ธพส.แต่งตั้งขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ ธพส. เข้าร่วมรับฟังด้วยนั้น
(อ่านประกอบ : “ผู้ดูแล”ศูนย์อาหารราชการฯ ยันเงินประกันไม่หาย ใช้ซื้อ"จาน-ชาม"แจกแล้ว)
ในช่วงเช้าวันที่ 20 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการร้านอาหารรายหนึ่ง ในศูนย์อาหาร 4 ศูนย์ราชการ ว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมภายในระหว่างผู้ดูแลและผู้ประกอบการในศูนย์อาหาร 4 โดยผู้ดูแลได้ให้ผู้ประกอบการหลายราย เซ็นชื่อยืนยันว่าไม่รับเงิน15,000 บาทคืน โดยการประชุมครั้งนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ ธพส. ร่วมรับฟังแต่อย่างใด โดยบรรยากาศการประชุมมีช่วงหนึ่ง ผู้ดูแลได้กล่าวพาดพิงถึงผู้ที่นำปัญหามาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราว่าเป็นตัวปัญหาด้วย
ผู้ประกอบการร้านอาหารรายหนึ่ง กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา ว่า “ตอนนี้สังคมกำลังหลงประเด็นกัน ทุกคนกำลังมุ่งไปยังสิ่งที่เขา (ผู้ดูแล)ชี้แจงว่า เงินหมื่นห้านี้ไม่ได้หายไปไหน ก็นำมาใช้ซื้อจานชาม แต่เหตุผลที่เราทวงถามเพราะวัตถุประสงค์แรกเริ่มของเงินจำนวนนี้ ที่ผู้ประกอบการ 7-9 ราย มอบให้ผู้ดูแลนั้น เราตกลงร่วมกันจริง ว่าจะใช้ซื้อจานชาม แต่เราก็ตั้งใจจะนำเงินอีกก้อนมาลงขันร่วมกันเปิดร้านน้ำ แล้วนำกำไรในส่วนนี้ มาซื้อจานชาม แต่ผู้ดูแล เขาขอสิทธิ์ว่าขอให้เขาเปิดร้านน้ำได้ไหม เราก็ยอมรับ เข้าใจ แต่ก็ตกลง รับรู้ร่วมกันว่ากำไรที่ได้จากการทำร้านน้ำ เขาจะนำมาซื้อจาน ชาม ให้เรา ดังนั้น เงิน หมื่นห้านี้ เป็นเงินที่เขายืมเราไปซื้อจานชามก่อน ซึ่งเขาบอกจะคืนให้เรา โดยเราไม่ต้องนำเงินส่วนนี้มาใช้ซื้อจานชามเลย กรณีของเรา 7- 9 ราย จึงมีข้อตกลงที่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่เข้ามาในช่วงหลัง ซึ่งเขาไม่ได้รับรู้ข้อตกลงนี้”
ผู้ประกอบการรายนี้ ยังระบุด้วยว่า เหตุที่ตนต้องทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ธพส. เนื่องจากเมื่อมีการทวงถามถึงเงินจำนวนดังกล่าว ผู้ดูแลคือนายวีรวัช กันหา ได้อ้างว่า นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ ธพส. แล้ว และ ธพส. มีมติว่าให้ถือว่าเป็นเงินประกันที่นำมาใช้ซื้อจานชาม และ ธพส. เห็นพ้องกันกับนายวีรวัชว่าเงินส่วนนี้ผู้ประกอบการจะไม่ได้คืนเมื่อย้ายออก ซึ่งตนเห็นว่า มติ ของ ธพส. ที่ผู้ดูแลนำมาชี้แจงนั้น เป็นไปในแนวทางเดียวกับที่ผู้ดูแลต้องการ ทำให้เกิดคำถามว่าเป็น มติ ของ ธพส. จริงหรือไม่ และหากเป็นมติของ ธพส. จริง ทำไม ธพส. จึงฟังความข้างเดียว ไม่มารับฟังความจริงอีกด้านจากผู้ประกอบการ 7-9 ราย โดยตรง
“เราก็เลยทำหนังสือทวงถามไปยัง ธพส. ร้องเรียนในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่ถูกต้อง และทำหนังสือ ชี้แจงถึงข้อตกลงเรื่องร้านน้ำใน ธพส. รับทราบด้วย พูดตรงๆ นะ เรารู้ว่า ธพส. เป็นเจ้าของพื้นที่ ให้พื้นที่เราขาย แต่เรื่องเงิน 15,000 ที่ผู้ประกอบการ 7-9 ราย ตกลงกันเองกับผู้ดูแลนี่ ธพส. มาเกี่ยวอะไร เราก็ต้องทำหนังสือทวงถาม เพราะ ธพส.รับฟังข้อมูลจากผู้ดูแลฝ่ายเดียว เราก็อยากให้ ธพส. รับฟังข้อมูลอีกด้านด้วย และอยากถามว่า ธพส. จะทำอย่างไรกับปัญหานี้ จะแก้ปัญหาให้เราอย่างไร”
ขณะที่ นางจิรสา วงศ์ธรรมสรณ์ หรือ “ผอ.อ๊อด” ซึ่งถูกระบุจากนายวีรวัชและผู้ประกอบการร้านอาหารหลายรายว่ารวมรับรู้และอนุมัติให้นายวีรวัชเป็นผู้ดูแลศูนย์อาหาร เมื่อ 2 ปีก่อนด้วย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการสายนโยบาย ของ ธพส. กล่าวยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในศูนย์อาหารศูนย์ราชการ ว่า “เรื่องเงินจำนวน 15,000 จากผู้ดูแล มันก็จบไปแล้วนี่ ปัญหานี้ ไม่มีอะไรแล้ว ก็สรุปแล้วว่าเป็นเงินที่เอาไปซื้อจาน ชาม ก็เป็นเงินที่เอามาดูแลศูนย์อาหาร เงิน ไม่ได้ หายไปไหน ก็รับรู้กันแล้ว ว่าใครออกก็จะได้เงินคืน”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นางจิรสารับรู้ถึงมูลเหตุปัญหาที่แท้จริงของเงิน 15,000 บาทหรือไม่ ว่าประเด็นสำคัญที่มีผู้ร้องเรียนนั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าเงินดังกล่าวถูกนำไปใช้ซื้อจานชามแล้วเพื่อประโยชน์ของศูนย์อาหาร แต่เหตุผลที่ผู้ร้องเรียนทวงถามมายัง ธพส. เพราะต้องการทราบว่า ธพส. ทราบถึงมูลเหตุที่มาของเงิน 15,000 บาทหรือไม่ ว่า ผู้ประกอบการ 7-9 ราย ตกลงกันไว้กับผู้ดูแลคือนายวีรวัช ว่าเดิมทีจะนำเงินมาซื้อจานชามจริง แต่ผู้ประกอบการทั้ง 7-9 รายก็ตกลงกันว่าจะลงขันด้วยเงินอีกก้อน ตั้งร้านน้ำร่วมกัน แล้วนำกำไรมาซื้อจานชาม แต่เมื่อนายวีรวัชขอสิทธิ์ในการขายร้านน้ำให้ผู้ดูแล ผู้ประกอบการทั้ง 7-9 จึงยอมรับ แต่มีข้อตกลงร่วมกันว่านายวีรวัชจะนำกำไรที่ได้มาจากการขายร้านน้ำ มาซื้อจานชามในศูนย์อาหารให้ผู้ประกอบการทั้ง 7-9 ราย ดังนั้น เงินหมื่นห้าส่วนนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 7-9 รายจะได้คืน โดยถือว่านายวีรวัชยืมไปซื้อจานชามก่อนในเบื้องต้น
เมื่อรับฟังแล้วนางจิรสาตอบว่า “เรื่องนี้ไม่รู้เลย ”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ผู้ร้องเรียนได้ทำหนังสือทวงถามมายัง ธพส. ด้วย นางจิรสาเคยรับทราบเรื่องนี้หรือไม่ นางจิรสาตอบว่า“ไม่รู้เรื่องนี้เลย ดิฉันไม่เคยเห็นหนังสือร้องเรียนนี้ คงต้องถามไปที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เพราะเป็นหน่วยงานที่ดูแลศูนย์อาหารอยู่ ตอนนี้ดิฉันไม่ได้มีอำนาจดูแลตรงส่วนนี้แล้ว ต้องถามไปยังฝ่ายที่ดูแลเรื่องนี้ว่าได้รับเรื่องร้องเรียนนี้หรือไม่”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของการแต่งตั้งนายวีรวัชเป็นผู้ดูแล นางจิรสากล่าวว่า “ก็คุณโต้งเขาเป็นผู้นำ วันนั้นเขาก็เป็นผู้นำการประชุม เขาก็มีลายเซ็นรับรอง วันที่เขาเอาลายเซ็นมาให้ดู เจ้าของร้านเล่าซา (นายวิศิษฐ์ กิตติธนะพันธ์-ผู้ที่ได้รับโหวตจาก 7-9 ร้านให้เป็นผู้ดูแลศูนย์อาหารแต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากนางจิรสา) ก็อยู่ด้วยนะ ก็ไม่เห็นเขาคัดค้านอะไร แล้ววันต่อมาร้านเล่าซาก็ขึ้นมาหา จะขอเป็นผู้ดูแล เราก็อะไร ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก คุณโต้งเขาก็ได้รับเลือกเป็นผู้ดูแลไปแล้ว ก็เลยรับรู้กันว่าให้คุณโต้งเป็นชั่วคราว คือ 3 เดือน ทุกคนก็รับรู้ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลไปยังผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เซ็นชื่อในใบที่นายวีรวัช นำไปให้ นางจิรสา เพื่อยืนยันว่านายวีรวัชได้รับเลือกจากแม่ค้าให้เป็นผู้ดูแลศูนย์อาหาร กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า“ผอ.อ๊อด คงลืมไปแล้วว่าลายเซ็นนั้นเป็นลายเซ็นที่เขาให้ลงชื่อว่ามีใคร ร้านไหนบ้างที่เข้าประชุม มันไม่ใช่ลายเซ็นที่เราลงไปเพื่อเลือกผู้ดูแลคนนี้ เพราะเราตกลงกันเองใน 7-9 ร้านแล้วว่า เราจะให้เฮียเล่าซาเป็นผู้ดูแล แต่ก็กลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้เขาไปพูดอะไรกับ ผอ.อ๊อด แล้วตอนนั้น พวกเราก็ไม่ได้ขึ้นไปด้วย พอแต่งตั้งเขาแล้ว ผอ.อ๊อด ก็บอกว่าให้เป็นผู้ดูแลชั่วคราว 3 เดือน และตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่มีการโหวตเลือกผู้ดูแลใหม่เลย เราทวงถามไปก็ไม่มีอะไรคืบหน้า”
ส่วนการชี้แจงข้อมูลของ ธพส. กับสำนักข่าวอิศรา นั้น ผู้ประกอบการรายนี้ กล่าวว่า “ทั้งคุณบอล คุณดาว เขาไม่ได้รับรู้ปัญหาที่แท้จริง และธพส.เอง ก็ไม่ได้รับฟังความเดือดร้อนหรือปัญหาที่แท้จริงจากเรา เขาจะคอยฟังจากผู้ดูแลเท่านั้น ส่วน หนังสือร้องเรียนที่ตนทวงถามตามไป เรื่องข้อตกลงร้านน้ำ ที่ผอ. จิรสา กล่าวว่าไม่เคยเห็น และเจ้าหน้าที่ ธพส. ไม่รับรู้นั้น อยากถามเหมือนกันว่า ปัจจุบัน จดหมายร้องเรียนฉบับดังกล่าวไปอยู่ที่ใด ถูกส่งไปถึงผู้ที่มีอำนาจดูแลปัญหานี้หรือไม่
ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารอีกรายหนึ่งระบุว่า “วันนี้ ตนยอมรับได้แล้วว่า เงิน 15,000 บาท ไม่ได้คืนก็ไม่เป็นไร เพราะทุกวันนี้ตนมุ่งมั่นเพียงเรื่องของการค้าขาย ทำอย่างไรจะขายได้ดี ทำอย่างไรจะคงราคาอาหารให้เหมาะสมกับเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้น้อย"
“แต่ที่ตั้งคำถามก็คือ จริงๆ แล้ว มันก็เป็นเรื่องภายในของเราเอง คือผู้ประกอบการ 7-9 คน กับผู้ดูแล ดังนั้น ผู้ดูแลเขาก็น่าจะตกลงกับเรา พูดคุยกันภายใน ไม่ใช่เอาไปเล่าให้ ธพส. ฟัง เพราะ ธพส. เขาไม่รู้เรื่องนี้ แต่พอผู้ดูแลเขามาบอกว่า ธพส. มีมติลงมาแล้ว ว่าเงินส่วนนี้ก็คือเงินประกัน และนำมาใช้ซื้อจานชามในศูนย์อาหาร แต่ก็จะคืนให้วันที่มีการย้ายออก เราก็ยอมรับได้ ถือว่า ธพส. เขามีมติมาแล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มติ ของ ธพส. นั้น ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า“ผู้ดูแลเขาแจ้งมาอย่างนั้น เราก็ยอมรับ”
แหล่งข่าวรายนี้กล่าวอีกว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นและเรื่องนี้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว ตนเชื่อว่าทางผู้บริหารของ ธพส. คงก้าวเข้ามาจัดการเรื่องนี้
“อาจมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น อย่างเรื่องการโหวตผู้ดูแลใหม่ ก็มีผู้ที่เขาได้นำเสนอตัวเองขึ้นไป ทำเรื่องชี้แจงขึ้นไปทาง ธพส. แล้ว ก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น และเป็นรูปธรรม แต่ส่วนตัวเราก็คิดแค่ว่าไม่อยากให้มีเรื่องราวอะไร เงิน 15,000 เราก็ยอมรับได้ เขาเอาไปซื้อจานชามแล้วก็ไม่เป็นไร เราก็มุ่งมั่นกับการค้าขายของเราไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เจ้าหน้าที่ส่วนจัดสรรและบริหารพื้นที่ธุรกิจของ ธพส ที่รับผิดชอบดูแลศูนย์อาหาร ประกอบด้วย นายวัสสภูมิ บุญเกิด, นายนวะรัตน์ พึ่งโพธิ์สภ, นายศิรัฎช์ ปธานะพานิช, นางฤชุอร ครบสอน, น.ส.ชมพูนุท ทองจีน และ น.ส.ชุติญา จบกลศึก