ประมนต์ ชี้มีแต่ทรงกับทรุด เส้นคอร์รัปชั่นประเทศไทย
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นฯ จัดงาน ACT NOW ร่วมกันสู้ กอบกู้อนาคต ประมนต์ หวั่นไทยกำลังก้าวสู่มหาวิกฤติคอร์รัปชั่น หลังพบมีการบูรณาการอย่างกว้างขวาง มีหลายเครือข่ายเชื่อมโยงกัน
(ภาพ นายประมนต์ สุธีวงศ์ จากเฟสบุ๊คองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น)
วันที่ 6 กันยายน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่น 2556 : ACT NOW ร่วมกันสู้ กอบกู้อนาคต ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยในช่วงเช้ามีการรวมพลังตั้งขบวนพาเหรดบริเวณลานน้ำพุหน้าสยามพารากอน จากนั้นเดินเคลื่อนพลังขึ้นสู่ห้องประชุม ซึ่งมีผู้นำองค์กร นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมในงานจำนวนมาก รวมถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมร่วมงานด้วย
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นฯ กล่าวปาฐกถานำในเบื้องต้นว่า อุปสรรคสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชั่นในบ้านเรา คือความเชื่อในสังคมไทยที่ว่า การต่อสู้ เพื่อเอาชนะคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่อุปสรรคที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่า คือการยอมรับการคอร์รัปชั่น หากตนเองได้ประโยชนื หรือไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นเรื่องทีน่ากลัวอย่างยิ่ง
“สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความเชื่อ ต้องไม่ยอมรับการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ และเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เอาชนะคอร์รัปชั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ หากทุกภาคส่วนร่วมกันทำอย่างจริงจังตั้งแต่วินาทีนี้”
นายประมนต์ กล่าวถึงสถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีแต่ทรงกับทรุดลงและกำลังก้าวสู่มหาวิกฤติคอร์รัปชั่น เพราะมีการบูรณาการอย่างกว้างขวาง มีเครือข่ายทั้งระดับชาติ ท้องถิ่น นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ สื่อมวลชน องค์กรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีปัจจัยที่ไม่สามารถยับยั้งได้ 4 ประการ ได้แก่
1.ความไม่จริงจังของรัฐบาล และฝ่ายบริหารที่จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างถาวร รัฐบาลแสดงนโยบายต่อรัฐสภาและต่อที่ประชุมสาธารณะว่าให้ความสำคัญต่อนโยบายและยุทธศาสตร์ป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของภาครัฐ แต่ปัจจุบันยังไม่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในโครงการใหญ่ๆ ของรัฐ เช่น รับจำนำข้าว
2.ความเห็นแก่ตัวของนักธุรกิจ ภาวะสมยอม จำยอม ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ วิ่งเต้นเพื่อให้ได้งาน ได้เงิน ก้าวสู่วงจรอุบาทว์ด้วยความไม่เต็มใจ เพื่อความอยู่รอดของตนเอง
3.ข้าราชการดีๆ ถูกกลั่นแกล้ง ผลการวิจัยของสถาบันการศึกษาหลายแห่ง พบว่าในวงราชการมีการซื้อตำแหน่งมากมาย ตำแหน่งสำคัญๆ ซื้อขายด้วยตัวเลขถึง 7 หลัก แน่นอนว่าเมื่อได้ตำแหน่งย่อมต้องถอนทุนคืน การทำหน้าที่จึงไม่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่เพื่อเครือญาติ พวกพ้อง เจ้านาย
4.การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการติดตาม ขุดคุ้ย ประเด็นทุจริตคอร์รัปชั่นให่ประชาชนได้รับรู้ ซึ่งพบว่าสื่อส่วนหนึ่งที่ตรงไปตรงในการทำหน้าที่จะถูกกลั่นแกล้ง
นายประมนต์ กล่าวถึงผลและความคืบหน้าของการขับเคลื่อนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมแก้ปัญหามีการเรียกสินบนในการออกใบอนุญาติ มีการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ กับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา และนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รวมถึงการแต่งตั้งผู้แทนภาคประชาชนและนักวิชาการเข้าร่วมในกระบวนการรับฟังความเคิดเห็นของประชาชนในโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท
สำหรับภาคเอกชน ตลาดหลักทรัพย์ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กลต.ได้ตื่นตัวสร้างกลไกป้องกันและต่อต้านคอร์รัปชั่น ส่งเสริมบรรษัทภิบาลอย่างเข้มข้นมากขึ้น เช่นเดียวกับสถาบันการศึกษาที่ตื่นตัว แก้ปัญหาจริยธรรม ผ่านโครงการบัณฑิตไทยไม่โกงและตั้งศูนย์ต่อต้านคอร์รัปชั่น
ยิ่งปราบ ยิ่งทุจริต
จากนั้นมีการแสดงวิสัยทัศน์ ACT NOW “หมดสิ้นแน่ ถ้ายังยอมให้โกง” โดย ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ ในฐานะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นายวิชัย อัศรัสกร ในฐานะตัวแทนองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น และนายสมโภชน์ โตรักษา ตัวแทนสื่อมวลชน
ศ.พิเศษ วิชา กล่าวว่า 7 ปีที่ผ่านมาในการทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น พบสัจธรรมว่า ยิ่งปราบ ยิ่งคอร์รัปชั่น ยิ่งมีกฎหมายฟาดฟัน ยิ่งทุจริต ยิ่งคิดยุทธศาสตร์ ยิ่งโกงไม่สิ้นสุด และพบว่าการป้องกันและปราบปรามทุจริตทำเพียงองค์กรเดียว คนเดียวไม่ได้อย่างเด็ดขาด ต้องรวบรวมพลังและทำทันที
บ้านเมืองกำลังจะวินาศ ไทยทั้งชาติ ใยเฉยเมย ปล่อยทุจริตให้ล่วงเลย ใยนิ่งเฉยการโกงกิน นักการเมืองหรือนักกินเมือง เอาแต่เรื่องโกงแผ่นดิน อย่าปล่อยให้โกงกิน จนหมดสิ้นแผ่นดินไทย จงร่วมรวมพลัง รวมกันทั้งประเทศไทย ขจัดโกงหมดสิ้นไป กอบกู้ชาติให้ใสสะอาดเอย
“ผมไม่ได้ขอร้อง แต่จะเดินร่วมไปด้วย เพื่อความฝันอันสูงสุดที่ไม่มีการคอร์รัปชั่น ไม่มีการคิดถึงประโยชน์ส่วนตน นึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนรวมเท่านั้น”
นายวิชัย กล่าวว่า ตลอด 2 ปีในการรณรงค์กับองค์กร ยิ่งมีการคอร์รัปชั่นมากขึ้น ทั้งในเชิงนโยบาย งบประมาณ และใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม แต่การต่อต้านจากภาคสังคมก็มีมากขึ้น แสดงพลังมากขึ้น จะต้องช่วยกันปลุกสำนึก ความกล้าให้มีมากขึ้น ซึ่งขณะนี้หอการค้าไทย 38 จังหวัดทั่วประเทศ กำลังจัดงานร่วมรณรงค์ต่อต้านคอร์รปัชั่นพร้อมกัน
“ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อนักการเมือง พรรคการเมือง ไม่เชื่อว่าคนเพียง 650 คนจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทางที่ดีได้ แต่เชื่อพลังที่อยู่ที่นี่ หากรวมกันได้มาก จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้”
นายสมโภชน์ กล่าวว่า วิชาชีพสื่อมวลชนเปรียบเสมือนหมาเฝ้าบ้าน ที่พร้อมจะปกป้องบ้านเมืองให่ใสสะอาด ปราศจากการโกงกินทุกรูปแบบ วิชาชีพนี้สามารถเป็นที่พึ่งของบ้านเมืองได้ หากร่วมมือกันอย่างเขมแข็ง เปิดโปงคนโกง คนชั่ว ไม่ย่อท้อ อย่ากลัวการข่มขู่
“ขณะนี้ผมเองได้ถูกฟ้อง ดำเนินคดีเป็นผู้ต้องการหมิ่นประมาทในการโฆษณา แต่ถือว่าการทำหน้าที่สื่อมวลชนเกรงกลัวต่ออิทธิพลไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเปิดโปงคนที่โกงกินแผ่นดิน มีคนถามว่าทำหน้าที่เป็นนักข่าว ตรวจสอบการทุจริต กลัวมั้ย ถ้าตอบให้ดูดีผมไม่กลัวตาย ถ้าตอบแบบยอมรับความจริง ผมก็อยากตายตามอายุขัย แต่ถ้าตายแล้วมีคุณค่า เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองก็เป็นการตายแบบไม่เสียชาติเกิด ผมอยากวิงวอนพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน หากจับมือกันทำหน้าที่ตีแผ่คนโกงทุกรูปแบบ ความสุจริตใจจะเป็นเกราะกำบังให้ได้ปกป้องประเทศไทยให้ใสสะอาดได้ต่อไป”