ชาวสวนยางชายแดนใต้ครวญไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือของรัฐ
ชาวสวนยางชายแดนใต้ครวญ ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล โดยเฉพาะการจ่ายเงินอุดหนุนค่าปุ๋ยและปัจจัยการผลิต 1,260 บาทต่อไร่ เหตุคนพื้นที่ไม่ค่อยมีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน เผยอยากไปร่วมม็อบกับเกษตรกรภาคใต้ตอนบน แต่ไม่กล้า กลัวถูกมองเป็นเรื่องอื่น ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังป่วน "บึ้ม-ยิง" ยังมีประปราย กู้ระทึกระเบิดถังแก๊สที่ระแงะ
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันอังคารที่ 3 ส.ค.2556 ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราเฉพาะเรื่องปัจจัยการผลิตในอัตราไร่ละ 1,260 บาทตามที่เคยประกาศมาก่อนหน้านี้เท่านั้น โดยไม่มีมาตรการแทรกแซงหรือประกันราคายางกิโลกรัมละ 90-120 บาทตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรที่ออกมาชุมนุมกดดันรัฐบาลแต่อย่างใด
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงว่า การประชุม ครม.ได้พิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่นำไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเสนอเรื่องต่อ ครม.เพื่อดำเนินการตามแนวทางที่ กนย.มีมติ
โดยประการแรก ครม.อนุมัติให้ดำเนินการร่วมกับสถาบันเกษตรกรและสหกรณ์เพื่อลงทุนในการจัดสร้างหรือจัดหาโรงงานเพื่อแปรรูปวัตถุดิบยางพาราให้มีมูลค่าสูงขึ้น ในกรอบวงเงิน 5 พันล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นเจ้าภาพหลัก มีอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
ประการที่สอง สำหรับภาคผู้ประกอบการโรงงานที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องจักรนั้น มีการกำหนดกรอบวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทที่ธนาคารออมสินจะพิจารณดำเนินการในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนเช่นกัน เพื่อช่วยให้แปรรูปผลผลิตได้สูงขึ้น
ประการที่สาม ได้พิจารณาดำเนินการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่มีการลงทะเบียนทั้งหมดกว่า 9 แสนราย และในจำนวนนี้ 3 ใน 4 ปลูกยางพาราจำนวนไม่เกิน 10 ไร่ ซึ่ง กนย.ให้แนวทางว่าหากจะพิจารณาช่วยรายย่อย ให้รัฐบาลจัดงบประมาณจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยในการดำเนินการเรื่องการสนับสนุนเป็นเงินทุนโดยไม่ใช่การจัดซื้อสิ่งของ เพื่อให้เกษตรกรเลือกไปดำเนินการตามความเหมาะสมจำเป็นของแต่ละรายต่อไป
ทั้งนี้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาและดำเนินการจ่ายให้ไร่ละ 1,260 บาท สำหรับคนที่มีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ และสำหรับรายที่มีพื้นที่มากกว่า 10 ไร่นั้น แนวทางของ ครม.คือขอให้ กนย.ไปประชุมหารือในวันพฤหัสบดีที่ 5 ก.ย. ถึงความจำเป็นในกลุ่มนี้ว่ามีหรือไม่อย่างไร
ช่วยเกษตรกร 9.9 แสนราย-8.9 ล้านไร่
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และเกษตรตำบลทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมความพร้อมการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกยางพาราปี 2556/57 ว่า แนวทางระยะสั้นเพื่อลดภาระต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราจำนวน 991,717 ราย รัฐบาลจึงสนับสนุนค่าปุ๋ยตามพื้นที่เปิดกรีด จำนวน 8,971,790 ไร่ รายละไม่เกิน 10 ไร่ ตามพื้นที่เปิดกรีดจริง โดยต้นยางต้องมีอายุไม่เกิน 25 ปี และต้องเป็นเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์หรือสิทธิทำกินในพื้นที่นั้นๆ ในอัตราไร่ละ 1,260 บาท โดยจะจ่ายเป็นเงินสดผ่าน ธ.ก.ส. ระยะเวลาดำเนินการ ต.ค.2556 ถึง พ.ค.2557
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อให้การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางสามารถดำเนินการได้ทันที โดยใช้ทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรที่มีการขึ้นทะเบียนไว้แล้วเป็นกรอบในการให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชาวสวนยางพารามาขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา เพื่อเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบในปี 2557
แจงขั้นตอนขึ้นทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ
สำหรับแผนปฏิบัติการขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลูกยางพารา ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่
1.การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4-30 ก.ย. 2556 ณ สำนักงานเกษตรอำเภอที่เป็นพื้นที่ปลูกยางพาราของเกษตรกร
2.การตรวจสอบพื้นที่เป็นรายแปลง โดยคณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่เปิดกรีดยางพาราระดับตำบล ประกอบด้วย ปลัด อบต./ ปลัดเทศบาล หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรที่รับผิดชอบร่วมเป็นกรรมการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งจะดำเนินการภายใน 30 วันหลังรับคำร้องขอขึ้นทะเบียน
3.การออกใบรับรองเกษตรกร ดำเนินการภายใน 15 วันหลังผ่านการตรวจสอบพื้นที่จากคณะกรรมการฯ ซึ่งเกษตรกรจะนำใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราไปขอขึ้นเงินกับ ธ.ก.ส. เพื่อรับความช่วยเหลือตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบปี 2557 ต่อไป
ชาวสวนยางชายแดนใต้ครวญไม่ได้ประโยชน์
มาตรการของรัฐบาลถูกมองจากเกษตรกรชาวสวนยางพาราในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นการช่วยเหลือไม่ตรงจุด โดยเฉพาะการจ่ายเงินตรงให้เกษตรกรไร่ล่ะ 1,260 บาท เพื่อช่วยค่าปุ๋ยและปัจจัยการผลิต แต่มีเงื่อนไขต้องเป็นเกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดิน
นายมะซอบรี ดาเล็ง อายุ 40 ปี ชาวสวนยางที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า เขาเป็นเจ้าของสวนยางก็จริง แต่อยากให้เข้าใจว่าคนในพื้นจังหวัดชายแดนภาคใต้แม้จะมีที่ดินเป็นของตนเอง แต่มักไม่มีเอกสารสิทธิ์ มาตรการช่วยเหลือที่ออกมาจึงส่งถึงชาวสวนยางจริงๆ น้อยมาก แต่ก็เข้าใจรัฐเหมือนกันว่าจะจ่ายเงินอะไรก็ต้องมีหลักฐาน ต้องมีเอกสารยืนยัน ดังนั้นจึงอยากเสนอให้รัฐเร่งแก้ปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ให้กับชาวสวนยางด้วย
"ครั้งหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน ชาวบ้านในพื้นที่ จ.ยะลา และ จ.สงขลา ได้รวมตัวกันชุมนุมขอให้รัฐทำเอกสารสิทธิ์ให้กับชาวบ้าน ทีแรกรัฐก็รับปาก แต่ต่อมาก็เงียบหาย คิดว่าการช่วยออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้านคือการช่วยเหลือชาวสวนยางอีกวิธีหนึ่ง สามารถนำเอกสารสิทธิ์นั้นไปเป็นหลักค้ำประกันในการกู้เงินพัฒนาการผลิตได้ด้วย"
นายอับดุลกอเดร์ สาและ อายุ 39 ปี ชาวสวนยางที่ อ.ยะหา จ.ยะลา กล่าวว่า เขาเป็นลูกจ้างกรีดยาง ไม่มีสวนยางเป็นของตนเอง การที่รัฐบาลมีมาตรการเช่นนี้จึงไม่ได้รับประโยชน์ และไม่มีโอกาสได้เข้าถึงสิทธิต่างๆ เหล่านั้นเลย โดยเฉพาะการได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,260บาท เพราะต้องเป็นเจ้าของที่ดินเอง
"ถ้ารัฐอยากให้ทุกคนได้รับการดูแลหรือช่วยเหลือ ทางเดียวที่ต้องทำก็คือการประกันราคายางอยู่ที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม"
นายอับดุลกอเดร์ ระบุ และว่าแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมกับชาวสวนยางในภาคใต้ตอนบน เพราะกลัว เดี๋ยวจะถูกมองเป็นเรื่องอื่น เนื่องจากคนในพื้นที่สามจังหวัดถูกมองว่าเป็นคนหัวรุนแรงอยู่แล้ว
"จริงๆ ผมอยากไปร่วมชุมนุมมาก เพราะปัญหาราคายางตกต่ำทำให้ทุกคนเดือดร้อน แต่ก็กลัวว่าไปแล้วจะถูกมองไม่ดี จึงได้แต่คอยติดตามข่าวสารว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร ผมเข้าใจคนที่ชุมนุมว่าเขาเดือดร้อน ราคาสินค้าทุกอย่างแพง แต่ยางราคาถูก เชื่อว่าการชุมนุมไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเพราะเดือดร้อนจริงๆ"
ขณะที่ นางแอเสาะ เงาะตาลี อายุ 30 ปี เจ้าของสวนยางที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ดีใจที่รัฐพยายามแก้ปัญหาให้ชาวสวนยาง แต่ ก็เสียใจที่มาตรการส่วนใหญ่ไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น การช่วยเหลือไม่ได้มาถึงชาวสวนยางระดับรากหญ้าเลย ก็อยากให้คิดใหม่ คิดเพื่อให้คนรากหญ้าได้รับประโยชน์ด้วย ไม่ใช่คิดแค่เพื่อพรรคพวกตัวเองเท่านั้น จะทำอะไรขอให้นึกถึงคนที่เดือดร้อนจริงๆ ไม่อย่างนั้นประชาชนคงไม่รวมตัวกันปิดถนนแบบนี้
อนึ่ง ประเด็นเรื่องสิทธิการครอบครองที่ดินในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ส่วนหนึ่งเกิดจากการประกาศเขตป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติทับที่ดินทำกินของชาวบ้านจนเกิดข้อพิพาทกัน กับอีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องวิถีวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะคนมุสลิมที่มักแบ่งมรดกกันตามหลักศาสนาอิสลาม ตกลงกันตามมัสยิดโดยมีผู้นำศาสนาเป็นคนกลาง ไม่นิยมไปจดทะเบียนรับรองสิทธิ์กับทางราชการ จึงมักไม่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน
บึ้มทหารพรานเจ็บ 1 ที่จะแนะ
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นประปราย โดยเมื่อเวลา 15.40 น.วันจันทร์ที่ 2 ก.ย.2556 ขณะที่ทหารพรานชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยครู (ชป.รปภ.ครู) สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4605 (ร้อย ทพ.4605) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหน้าโรงเรียนร่วมจิตประชา หมู่ 3 บ้านไอร์ซือระ ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาสนั้น มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้วิทยุสื่อสารกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่กล่องเหล็ก วางไว้ในกอกล้วยริมถนนตรงข้ามโรงเรียน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น แรงระเบิดทำให้ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) อดิเทพ ละอองศรี อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิง ส.อบต.ดับ เด็ก 5 ขวบเจ็บ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส คนร้าย 2 คนมีรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์สี่ประตู สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ได้ขับไปจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 64/1 บ้านลาเมาะนอก หมู่ 3 ต.รือเสาะออก และใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง นายรูดิง ซา อายุ 51 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) รือเสาะออก เจ้าของบ้าน กับ ด.ช.ฟัดลี ซา อายุ 5 ปี ขณะที่ทั้งคู่กำลังพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน ทำให้ นายรูดิง เสียชีวิตคาที่ ส่วน ด.ช.ฟัดลี ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นญาตินำส่งโรงพยาบาลรือเสาะ แต่อาการสาหัส แพทย์จึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เวลา 21.10 น. ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ขณะที่ นายมะยูเน็ง มามะ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 หมู่ 2 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กำลังนั่งล้อมวงรับประทานอาหารร่วมกับญาติที่บ้านหลังหนึ่งในท้องที่บ้านไอร์กาแซ หมู่ 6 ต.ศรีสาครนั้น ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่เข้าไปในวง โดยยิงผ่านผนังบ้านที่เป็นสังกะสี กระสุนถูกนายมะยูเน็งได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
เวลา 21.35 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดยิง นายสุขกรี อีแต อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 บ้านกูวิง หมู่ 3 ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ นายสุขกรี กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากร่วมงานฝังศพญาติที่กุโบว์ในหมู่บ้าน กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิงเช่นกัน
ยิงแม่ค้าดับต่อหน้าเด็ก 4 ขวบ
วันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย.เวลา 05.40 น. ขณะที่ นางสำอาง จั่นเจริญ อายุ 56 ปี อาชีพแม่ค้าขายผัก อยู่บ้านเลขที่ 51/11 บ้านตาบา หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส กำลังเดินออกจากบ้านพร้อมด้วย ด.ช.ธรรมรัตน์ จั่นเจริญ หลานชาย อายุ 4 ขวบ เพื่อไปที่แผงขายผักนั้น ได้มีคนร้าย 4 คนขี่รถจักรยานยนต์มาจอด และใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงใส่จนนางสำอางเสียชีวิต จากนั้นได้ชิงกระเป๋าสะพายที่มีเงินสด 20,000 บาทหลบหนีไป ส่วน ด.ช.ธรรมรัตน์ ปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
เวลา 13.50 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถยนต์เก๋งไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. และ .38 ซุปเปอร์ ยิง นายเจ๊ะรอนิง เจ๊ะอารง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/16 บ้านโผลง หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส จนเสียชีวิต เหตุเกิดถนนสายชนบทบ้านป่าไผ่ หมู่ 5 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะที่ นายเจ๊ะรอนิง กำลังขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโซลูน่า สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กข 5223 นราธิวาส ไปทำธุระที่ ต.ตันหยงลิมอ โดยคนร้ายได้โบกมือเรียกนายเจ๊ะรอนิงให้จอดรถ จากนั้นได้ลงไปยืนคุยกัน และคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่จนเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
ส่วนวันเสาร์ที่ 31 ส.ค. เวลา 09.45 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองลอบยิง นายแมมุต ตาเย๊ะ อายุ 35 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) อยู่บ้านเลขที่ 30 บ้านตะโล๊ะเว หมู่ 9 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ นายแมมุต กำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในสวนยางพาราบ้านตะโล๊ะเว เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านหลังเสร็จจากกรีดยาง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
พบหลุมซุกบึ้มถังแก๊สที่ระแงะ
ด้านผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย.2556 ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ตรวจพบหลุมที่คนร้ายขุดเอาไว้ และมีระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังแก๊สซุกอยู่ภายใน มีสายไฟฟ้าลากยาวเข้าไปในป่าข้างทาง บริเวณริมถนนสายบ้านฮูลูปาเร๊ะ-บ้านจุฬาภรณ์ 5 จึงได้แจ้งชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
วันเสาร์ที่ 31 ส.ค. กำลังผสมทหารหลัก ทหารพราน และตำรวจ ได้ติดตามจับกุม นายฮากีมิง เจ๊ะสมอเจ๊ะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 341 หมู่ 6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งเป็นบุคคลเป้าหมายอาจมีส่วนกับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ โดยสามารถควบคุมตัวได้ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์อยู่ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลบันนังสตา เบื้องต้นได้คุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 อ.รามัน จ.ยะลา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 การทำสวนยางพาราในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอาชีพหลักของคนในพื้นที่ โดยทุกเช้าชาวบ้านจะเข้าไปกรีดยาง ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกว่า "ไปตัดยาง"
2 ระเบิดที่ประกอบใส่ถังแก๊ส ซุกไว้ในหลุมที่ขุดเอาไว้ริมถนนสายบ้านฮูลูปาเร๊ะ-บ้านจุฬาภรณ์ 5 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ไว้ได้อย่างปลอดภัย