24 หน่วยงานลงนามร่วม กยศ.กระตุ้นจิตสำนึกกู้ยืมแล้ว ต้องใช้คืน
'ยิ่งลักษณ์' เป็นพยานลงนาม MOU ระหว่างกยศ.กับเครือข่ายภาครัฐ เอกชน หวังกระตุ้นสำนึกกู้แล้ว ต้องใช้คืน ด้าน 'จิ๋ว เดอะสตาร์' รุ่นพี่เคยกู้ยืม ร่วมรณรงค์ชำระคืน เชื่อมีคนรอโอกาสศึกษาต่ออีกมาก
วันที่ 30 สิงหาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "กยศ. พี่ช่วยน้อง" และเป็นประธานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของภาคีเครือข่าย 24 หน่วยงาน ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ A1 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้บริหารสถานศึกษา และนักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมงาน
นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า กองทุน กยศ. บริหารงบประมาณแบบเงินทุนหมุนเวียน ทำให้กองทุนฯ ต้องขอรับงบประมาณจากรัฐบาล อีกทั้ง ต้องบริหารจัดการให้นักเรียน นักศึกษาที่กู้ยืมเงินชำระคืนเงินที่กู้ยืมไป เพื่อจะได้นำเงินดังกล่าวมาเป็นทุนให้กับรุ่นต่อไป แต่สัดส่วนของการชำระคืนเงินของผู้กู้ที่สำเร็จการศึกษาแล้วยังมีอัตราต่ำ ทำให้กองทุน กยศ.ประสบปัญหาในการจัดสรรเงินกู้ในรุ่นต่อไป อีกทั้งเป็นภาระในการรับหน้าที่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักเรียน นักศึกษาที่ไม่ชำระคืนเงินด้วย
นายทนุศักดิ์ กล่าวต่อว่า กองทุน กยศ.จึงร่วมกับ 24 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงนามความร่วมมือในการจัดทำฐานข้อมูลของผู้กู้ยืมเงิน สร้างช่องทางการเข้าถึงแหล่งอาชีพ ประสานความร่วมมือกับองค์กรนายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพระบบการบริหารกองทุน ตั้งแต่การคัดกรองสถานศึกษา เพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้กับกองทุน พัฒนาฐานข้อมูล และการปลูกฝังค่านิยมความรับผิดชอบต่อสังคม การติดตามให้มาชำระหนี้ ทั้งนี้ กองทุนฯ ได้เข้าเป็นสมาชิกบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ด้วย
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าเน้นย้ำว่า อยากเห็นความร่วมมือของนักศึกษาที่กู้ยืมเงินและเรียนจบแล้ว ให้นำเงินมาส่งคืน เพื่อจะได้มีเม็ดเงินส่งกลับคืนไปสู่นักศึกษารุ่นน้อง ซึ่งเป็นการเสริมสร้างบุคลากรให้กับประเทศรุ่นต่อไป
ทั้งนี้ ฝากไปยังภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังขอให้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง พูดคุยกับนักศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจบการศึกษา ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ ที่ไม่ใช่ช่วยให้โอกาสในการเรียนต่อเท่านั้น แต่จะต้องช่วยทำให้นักศึกษามีงานทำเมื่อจบออกมา เพื่อมีความสามารถที่จะนำเงินส่งกลับเข้าสู่กองทุนเพื่อสร้างนักศึกษารุ่นต่อๆ ไป
ด้านดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกยศ. เปิดเผยว่า ได้ให้กู้ยืมเงินสำหรับ นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครองชีพระหว่างศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 - 2555 ไปแล้วกว่า 4 ล้านราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 4 แสนล้านบาท ทั้งนี้ เงินที่นำมาให้กู้ยืมทั้งหมดมาจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งคือเงินภาษีอากรของคนไทยทั้งประเทศ และเงินที่ผู้กู้ยืมชำระคืนกองทุน
"ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาปรากฏว่ากองทุนมีหนี้ค้างชำระในอัตราที่สูง ซึ่งส่งผลกระทบถึงเงินที่จะให้กู้ยืมกับนักเรียน นักศึกษารุ่นต่อๆ ไป การที่ผู้กู้ยืมไม่มีความรับผิดชอบในการชำระเงินคืนกองทุนสะท้อนถึงค่านิยมทางด้านคุณธรรม จริยธรรมของเยาวชน อาจส่งผลต่อการไม่มีวินัยทางการเงิน ซึ่งจากนี้จะดำเนินการทบทวนและปรับปรุงเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดกรองสถานศึกษาและผู้กู้ยืมเพื่อส่งเสริมให้มีการปรับปรุงคุณภาพของผู้จบการศึกษา ตลอดจนให้ความสำคัญกับการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับเยาวชน เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพให้กับสังคมไทย"
ด้านศิษย์เก่าที่เคยได้รับโอกาสกู้ยืมเงิน น.ส.บุญมาก เทียนแจ่มวงศ์ ขณะนี้ทำงานที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี กล่าวว่า กู้ยืมเงินด้วยเหตุผลที่ฐานะครอบครัวยากจน จนเกือบจะไม่ได้เรียนต่อ แต่เมื่อได้รับข้อมูลจากฝ่ายแนะแนว เหมือนมองเห็นโอกาสจึงได้ทำเรื่องและขอรับทุนจาก กยศ.ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
"การได้รับทุนจาก กยศ.เหมือนเปลี่ยนชีวิตจากเด็กที่ครอบครัวยากลำบาก นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ซึ่งระลึกเสมอว่าตนเป็นผู้รับ จะรู้คุณค่าของเงินทุกบาทว่ามาจากการเสียภาษีอากรของคนทั้งประเทศ จึงขอยืนยันว่าจะใช้คืนอย่างแน่นอน และตอนนี้ได้ทยอยชำระคืนทุกปี เพื่อให้คนที่ต้องการโอกาสได้รับโอกาสนี้เช่นกัน เป็นผู้รับแล้ว ต้องเป็นผู้ให้ดวย"
ขณะที่น.ส.ปิยนุช เสือจงพรู หรือ 'จิ๋ว เดอะสตาร์' ซึ่งเป็นศิษย์เก่าที่เคยกู้ยืมเงินจากกองทุน กยศ.ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 4 กระทั่งจบชั้นอุดมศึกษา บอกว่า กองทุน กยศ.ได้เปิดโอกาสให้ตนก้าวสู่การศึกษาในขั้นสูงขึ้น ได้เรียนสาขาดนตรี ที่มีค่าเล่าเรียนสูง ให้ได้จบมาเมีอาชีพเช่นทุกวันนี้ ทั้งนี้ อยากให้มองว่าการกู้ยืมเงิน ช่วยสอนให้รู้จักบริหารการใช้ชีวิต การใช้เงิน ได้รับมาแล้วจะจัดสรรอย่างไรให้และเกิดประโยชน์สูงที่สุด
"ช่วงที่กู้ยืมเงิน จำได้แม่นว่าได้ค่าใช้จ่ายรายเดือน 2,500 บาท ก็ต้องจัดสรรให้ดี เมื่อได้โอกาสในการศึกษา จนประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานแล้วจะต้องใช้คืน เพราะเชื่อเสมอว่ายังมีคนที่รอโอกาสแบบเดียวกับเราอีกมาก และขอเป็นส่วนหนึ่งที่รณรงค์ให้รุ่นพี่ทุกคนชำระเงินคืนด้วย"
ด้านน.ส.ธารีรัตน์ สุขเกษม นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ชั้นปีที่ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ที่มาร่วมงานบอกว่า เดิมเป็นเป็นคนเชียงใหม่ เริ่มกู้เงินกับ กองทุน กยศ.เมื่อเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยขั้นตอนการกู้นั้นไม่ยุ่งยาก เพียงกรอกเอกสารให้ครบถ้วน สำหรับเหตุผลในการกู้เยืมเรียน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระครอบครัวที่ฐานะไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม ได้ศึกษาขั้นตอนการจ่ายเงินคืนหลังศึกษาจบไว้แล้ว และคิดว่าไม่เกินความสามารถ หากตั้งใจเรียนและใช้เงินที่ได้มาให้เกิดประโยชน์ จัดสรรให้ดี ซึ่งตอนนี้ได้ค่าครองชีพ 2,200 บาท ส่วนค่าเล่าเรียนจะหักไปเลย สำหรับรุ่นพี่ที่กู้ยืมเงินไปแล้ว ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วก็อยากให้ช่วยจ่ายคืนด้วย ขอให้เห็นแก่รุ่นน้องที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ครอบครัวไม่พร้อม ซึ่งยังมีอีกมากในปัจจุบัน
สำหรับหน่วยงานที่ร่วมลงนามจะร่วมวางมาตรการ และกระตุ้นให้ผู้กู้ยืมตระหนักในความสำคัญของการชำระเงินคืนกองทุน อาทิ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ได้ประชุมร่วมกับ กยศ.จัดทำหลักสูตรอบรมแนวทางพัฒนาคุณธรรม โดยคาดว่า ภายในปีนี้จะสามารถเริ่มต้นจัดอบรมรุ่นแรกได้ ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย ได้จัดทำหนังสือแจ้งต่อผู้กู้ยืมเงินภายหลังจบการศึกษาแล้ว และได้รับการยกเว้นปลอดหนี้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว เป็นการติดตามให้มาชำระหนี้ แต่หากไม่มาติดต่อผ่อนผันเป็นเวลา 5 ปี จะส่งหนังสือประนีประนอม แต่หากไม่มาประนีประนอม ผ่อนผันจะทำการฟ้องร้องและเป็นกระบวนการทางศาลต่อไป
รายชื่อ 24 หน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
1.กรมบัญชีกลาง
2.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
3.บมจ. ธนาคารกรุงไทย (องค์การมหาชน)
4.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
5.สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
6.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
7.สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
8.สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
9.สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
10.ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย
11.กรมการจัดหางาน
12.กองทุนตั้งตัวได้
13.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
14.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
15.องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
16.บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
17.ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)
18.หอการค้าไทย
19.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
20.สมาคมธนาคารไทย
21.สภาธุรกิจตลาดทุนไทย
22.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
23.บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
24.บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)