“สวนโมกข์”ลุกเป็นไฟ!!เจ้าอาวาสใหม่ สั่งโละ ทีมการเงินสมัย"ท่านพุทธทาส" -สร้างวัตถุทันสมัย
“กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์” ส่งแชร์ต่อจดหมายเปิดผนึก ในเฟซบุ๊ก รวมพลังต่อต้าน ทิศทาง-นโยบายการบริหารงาน คณะเจ้าอาวาสชุดใหม่ เปลี่ยนระบบคุมเงิน สั่งปลดผู้เกี่ยวข้องสมัยท่านพุทธทาส ยกชุด อ้างทำงาน ไม่โปร่งใส่ ก่อนแยกบัญชีจากธรรมทานมูลนิธิ พระใช้จ่ายได้อย่างเป็นอิสระ -อ้างอุ๊บอิ๊บ ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบเขาพุทธทอง ขุดถมดิน ลงฐานรากคอนกรีต เปลี่ยนแปลง "โบสถ์ธรรมชาติ" ให้ทันสมัย!!
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ ได้มีการแชร์ต่อจดหมายเปิดผนึกผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึง "เพื่อนสวนโมกข์" เพื่อแจ้งให้ออกมาร่วมกันคัดค้านทิศทางและนโยบายการบริหารสวนโมกข์ในปัจจุบัน
โดยระบุว่าทิศทางของสวนโมกช์ที่กำลังเดินอยู่ในปัจจุบันกำลังเดินออกไปจากสิ่งที่ท่านพุทธทาสวางไว้ในอดีต
จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว ระบุว่า สถานการณ์ภายในวัดสวนโมกข์ทุกวันนี้ไม่สู้ดีนัก สงฆ์แตกออกเป็นสองกลุ่มจากการตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่มาแทนเจ้าอาวาสคนเก่า แม้เจ้าอาวาสคนใหม่ จะเป็นที่ชื่นชอบและเคารพนับถือของคนจำนวนไม่น้อย
แต่หลังจากเข้ามารับตำแหน่งแทน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ สวนโมกข์เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ โดยพระท่านหนึ่ง อยู่เบื้องหลังเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน
จดหมายเปิดผนึกยังระบุด้วยว่า งานแรกของสวนโมกข์ในยุคเจ้าอาวาสคนใหม่ คือ การเข้ามาควบคุมจัดการเรื่องเงิน โดยต้องการแยกบัญชีวัดออกจากธรรมทานมูลนิธิ มีการตั้งข้อกล่าวหาว่า ผู้รับผิดชอบรายหนึ่งที่ดูแลเงินวัดตั้งแต่สมัยท่านพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ นำเงินวัดไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว การบริหารเงินของธรรมทานมูลนิธิ โดยมีผู้ดูแลหลักอยู่เพียงคนเดียวถูกมองว่าอาจจะมีความไม่โปร่งใส ระบบการเงินของสวนโมกข์ถูกตั้งขึ้นใหม่ โดยสวนโมกข์ขอกลับไปสู่ความเป็น "วัดธารน้ำไหล" ภายใต้มหาเถรสมาคม วัดมีบัญชีแยกจากธรรมทานมูลนิธิ และพระสามารถบริหารเงินและนำเงินมาใช้ได้อย่างเป็นอิสระโดยไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากธรรมทานมูลนิธิ
ต่อมาพระประจำเคาน์เตอร์รับบริจาคเงินรายหนึ่ง ถูกบีบให้ออกจากการทำหน้าที่ดังกล่าว โดยมีการส่งหนังสือทางการแจ้งปลดอย่างสายฟ้าแลบ รวมถึงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสด้วย
ต่อมาเป็นคิวของพระอุปัฏฐากผู้อยู่ใกล้ชิดกับท่านพุทธทาสเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เช่นเดียวกัน มีความพยายามจะปลดออกจากตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส ถึงขนาดจะจับท่านสึก โดยตั้งข้อกล่าวหาซุกซ่อนเงินบริจาคตั้งแต่สมัยพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ จนต้องลี้ภัยออกจากสวนโมกข์เป็นระยะเวลาหนึ่ง
จดหมายเปิดผนึก ฉบับนี้ ยังระบุด้วยว่า เมื่อพระรุ่นเก่าๆ ที่เคยมีบทบาทในยุคเจ้าอาวาสคนก่อนถูกขับออกไป สวนโมกข์ก็มีการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานตรงเคาน์เตอร์รับเงินบริจาคใหม่ โดยมีการให้พระพรรษาน้อยๆ เข้ามาทำหน้าที่แทน มีการติดกล้องวงจรปิด 2 ตัวตรงจุดรับเงินบริจาค มีการเชื่อมความสัมพันธ์กับโครงสร้างคณะสงฆ์ภายนอกอย่างเจ้าคณะอำเภอ เพื่อให้ "วัดธารน้ำไหล" กลับสู่ระบบสงฆ์ของรัฐ ไม่ใช่ระบบลอยและเป็น สังฆะอิสระอย่างที่เคยเป็นมา
และล่าสุดมีการริเริ่มโครงการ "ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบเขาพุทธทอง" โดยมีพระผู้ใหญ่รายหนึ่งเป็นผู้ควบคุมจัดการเบ็ดเสร็จโดยที่เจ้าอาวาสคนปัจจุบันและพระมหาเถระรูปอื่นๆ ภายในสวนโมกข์แทบไม่รู้เห็น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการขุดถมดิน ลงฐานรากคอนกรีตขนานใหญ่ เพื่อเปลี่ยนแปลง "โบสถ์ธรรมชาติแบบสวนโมกข์" ให้ทันสมัย ดูดียิ่งขึ้น
กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ในฐานะคนนอก และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสวนโมกขพลาราม นอกเสียจากนับตนเป็นกลุ่มบุคคลผู้ปรารถนาดีต่อสวนโมกขพลาราม รู้สึกห่วงใยและกังวลต่อสภาพการณ์ดังกล่าวบนยอดเขาพุทธทอง ด้านหนึ่งเรายังเชื่อมั่นในระบบสังฆะ และเห็นว่าเป็นเรื่องของสงฆ์เองที่ควร "คุยกัน" "ประชุมกัน" เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ทว่าในขณะที่ยังไม่พบทางออก ทางกลุ่มรู้สึกเป็นห่วงกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดซึ่งกำลังกระทบต่อจิตวิญญาณความเป็นสวนโมกข์อย่างยากที่จะนำกลับคืนมา
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนำไปสู่คำถามสำคัญว่า "ใครเป็นเจ้าของสวนโมกข์?" สวนโมกข์ที่เปรียบเสมือนห้องทดลองของท่านพุทธทาส ซึ่งได้เปิดจินตนาการของผู้ที่ได้เข้าไปสัมผัส แน่นอนว่ามันคืออดีต หาใช่ปัจจุบันและอนาคตของสวนโมกข์ ทว่าใครกันเล่าคือผู้รับผิดชอบการสืบทอด รักษา และต่อยอดผลงานดังกล่าวที่ท่านพุทธทาสได้ฝากไว้
ในทัศนะของกลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ พุทธทาสไม่ได้สร้างสวนโมกข์ขึ้นเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง สวนโมกข์นั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์สินของวัดหรือของรัฐ ที่ใครคนใดคนหนึ่งคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้หากมีอำนาจ งานแต่ละชิ้นที่พุทธทาสสร้างขึ้นมีความหมายและจิตวิญญาณในแบบของมัน และหลายอย่างคงไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีกแล้วหากถูกทำลายไป
สวนโมกข์ควรรักษาในฐานะแบบอย่างของความเรียบง่าย ยืนยันความเป็นสังฆะทางสติปัญญาที่เป็นอิสระจากอำนาจคณะสงฆ์ของรัฐ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ใดๆ เกิดขึ้นกับสวนโมกข์ โดยเฉพาะกับทิศทางการดำเนินงานที่ผิดไปจากแนวทางที่พุทธทาสได้วางไว้
เราขอเสนอว่า ควรเกิดขึ้นจากการประชุมทำความตกลงกันในหมู่สงฆ์และสื่อสารกับสาธารณชนในวงกว้างอย่างโปร่งใส มีการถกเถียง เสวนา แลกเปลี่ยนทัศนะที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ที่สำคัญพระประจำสวนโมกข์ทุกรูปควรรับรู้และรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นร่วมกัน โดยเฉพาะพระที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดท่านพุทธทาส การเปลี่ยนแปลงไม่ควรเกิดขึ้นโดยพลการจากเจ้าอาวาส หรือพระที่ถืออำนาจเพียงคนเดียวอย่างที่เป็นอยู่
ดังนั้นการดำเนินงานเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และการก่อสร้างอย่างเอิกเริกบนยอดเขาพุทธทอง ณ ตอนนี้ เราเห็นว่าควรถูกยับยั้งโดยเร็วที่สุด หากพระในวัดไม่สามารถทัดทานการกระทำครั้งนี้ได้ สาธารณชนก็ควรออกมาช่วยกันแสดงความไม่เห็นด้วย ร่วมกันคัดค้านการดำเนินงานโดยพลการ และขอให้คณะสงฆ์ในสวนโมกข์คลี่คลายความขัดแย้งภายใน หันหน้าเพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนและประชุมกัน เพื่อบรรลุมติที่เห็นชอบร่วมกันของหมู่คณะ ก่อนจะมีการดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อทิศทางของสวนโมกขพลารามในปัจจุบันและอนาคต
ด้วยความนับถือ
กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ พระอธิการสุชาติ ปัญญาทีโป เจ้าอาวาสสวนโมกข์ คนปัจจุบัน เพื่อให้่ชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้
(ภาพถ่ายปรับปรุงภูมิทัศน์รอบเขาพุทธทอง ที่กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ นำมาใช้ประกอบการแชร์ต่อจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้)