บันทึกเอียะติกาฟ...สิบวันสุดท้ายรอมฎอน
เสียงอ่านอัลกุรอานดังก้องมัสยิดบ้านดอน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพราะมีมุสลิมผู้ศรัทธาทั้งจากในและนอกพื้นที่เข้าไปนอนเสมือนหนึ่ง "เข้าค่าย" เพื่อทำ "เอียะติกาฟ" หรือการปฏิบัติศาสนกิจสำคัญในห้วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน...เดือนแห่งบุญของพี่น้องมุสลิม
การทำเอียะติกาฟเป็นไปตามแนวทางของท่านนบีมุฮำหมัด (ซล) เพราะมุสลิมต้องเป็นผู้ที่หักห้ามอารมณ์ปรารถนาของตนอยู่ตลอดเวลา แม้บางครั้งเป็นความปรารถนาที่ศาสนาอนุมัติก็ตาม ทั้งนี้เพื่อทำตัวให้ว่าง และทำอิบาดะห์ (การกระทำที่แสดงความศรัทธา) ต่ออัลลอฮ์ตาอาลา รวมถึงทำให้อารมณ์ปรารถนาของตนได้โน้มเอียงไปสู่ความรักในอัลลอฮ์ อีกทั้งกระตุ้นให้ตัวเองเกิดความยินดีที่จะสลัดความชั่วทิ้งไปจากอารมณ์ปรารถนา
เพราะแท้ที่จริงแล้วอารมณ์ปรารถนานั้นมักคอยแต่จะบงการไปสู่ความชั่วและเร่งเร้าไปสู่ความเลวทรามต่ำช้า...
อัลลอฮ์ตาอาลาทรงตรัสว่า "แท้จริงอารมณ์นั้นคอยแต่จะบงการไปสู่ความชั่ว เว้นแต่บุคคลที่อัลลอฮ์ทรงเมตตาเขา" ยูซุฟ : 53
การดิ้นรนเพื่อแสวงหาความสุขบนโลกใบนี้ยิ่งจะเพิ่มบทบาทของอารมณ์ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น มนุษย์จะไม่สนใจว่าปัจจัยที่ตนได้มาเพื่อหาความสุขนั้น ฮาลาล (สิ่งที่ศาสนาอนุญาตให้ทำได้) หรือ ฮารอม (สิ่งที่ศาสนาไม่อนุญาตให้ทำ) และมนุษย์ก็จะยิ่งเตลิดไปตามอารมณ์ปรารถนาของตนอย่างยากที่จะสยบมันลงได้ นอกจากจะได้รับการเพาะบ่มและขัดเกลาอยู่ภายใต้บรรยากาศที่อบอวลด้วยกลิ่นไอของการตออะห์ หรือภักดีต่ออัลลอฮ์ภายในมัสยิดอันสงบ มุสลิมจะสามารถเรียกจิตใจที่เตลิดของตนกลับคืนมาให้ได้รับการขัดเกลาด้วยอิบาดะห์ต่างๆ
ด้วยเหตุนี้ การเอียะติกาฟจึงถูกบัญญัติมาเพื่อทำให้จิตใจสงบ เพื่อขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ และให้สลัดทิ้งอารมณ์ปรารถนาอันเร่าร้อนต่างๆ
อาหวัง ยีสะมะแอ อิหม่ามประจำมัสยิดบ้านดอน เล่าว่า ทุกๆ ปีที่มัสยิดจะมีผู้คนเดินทางมากิน นอน เพื่อทำเอียะติกาฟในช่วง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ โดยในมัสยิดจะมีผู้คนทั้งในและต่างพื้นที่ประมาณ 20 กว่าคน มีทั้งเยาวชน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป คนเหล่านี้ยอมจากบ้านเพื่อมาทำเอียะติกาฟเพื่อเป็นอิบาดะห์ต่ออัลลอฮ์ตาอาลา และเพื่อที่อารมณ์ของตนจะได้โน้มเอียงสู่ความรักในอัลลอฮ์ และเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองเกิดความยินดีที่จะสลัดความชั่วทิ้งไปจากอารมณ์ปรารถนาของตน
"การทำเอียะอติกาฟจะมีการละหมาดตะฮัจญุด (ละหมาดในเวลากลางคืน คือระหว่างเวลาเที่ยงคืนถึงตี 4) ฟังบรรยาย และอ่านอัลกุรอาน"
อิหม่ามอาหวัง อธิบายว่า จริงๆ แล้วในเดือนรอมฎอน 30 วันจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา คือ 10 วันแรกของเดือนจะได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ตาอาลา 10 วันกลางของเดือนจะได้รับอภัยโทษต่อบาปที่ได้กระทำมา และ 10 วันสุดท้ายจะพ้นจากไฟนรก ซึ่งในเดือนรอมฎอนนี้ ใน 10 คืนสุดท้ายจะมีหนึ่งคืนที่มีความพิเศษ คือ คืนลัยลาตุ้ลกอดรฺ หากใครได้ทำอิบาดะห์ในคืนดังกล่าวจะได้ผลบุญเหมือนกับได้กระทำความดี 1,000 เดือน
"ผู้ที่ทำเอียะติกาฟล้วนตั้งหน้าตั้งตาทำความดีเพื่อหาความเมตตาและโปรดปรานจากอัลลอฮ์ตาอาลาผู้เป็นเป็นพระเจ้าองค์เดียวของอิสลาม เมื่อว่างหลังจากเสร็จการละหมาดต่างๆ แล้ว บางคนก็นอนพักผ่อน บ้างก็นั่งอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน" อิหม่ามอาหวังบอก
ขณะที่ ฮูไซฟะห์ อะหมัด หนุ่มวัย 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา หนึ่งในผู้เข้าเอียะติกาฟในปีนี้ บอกว่า การได้ไปอยู่ที่มัสยิดใน 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนเพื่อทำตามแนวทางที่ท่านนบีมูฮำหมัด (ซล) ได้ปฏิบัติมา ถือเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะการได้ไปอยู่ที่มัสยิดทำให้ไม่ต้องคิดนึกเรื่องอื่น งานอื่นไม่มีในสมองเราเลย จะมีอยู่แต่เรื่องเดียวคือคิดอย่างไรให้อยู่ใกล้อัลลอฮ์ตาอาลา และที่สำคัญจิตใจในช่วงที่เราเข้าเอียะติกาฟนั้นสงบอย่างมาก...
เป็นความสงบจากภายในใจของตน ณ สิบวันสุดท้ายของเดือนแห่งบุญ...