“กิตติรัตน์” ชวนสแกนโกงกู้ 2 ลล. “ชัชชาติ” ยันรถไฟเร็วสูงคุ้มค่า
“กิตติรัตน์” ยันกู้ 2 ล้านล้าน ไม่ตีเช็คเปล่า ไม่มีกู้มากอง เชื่อไม่ขัด รธน. ชวนตรวจสอบทุจริต “ชัชชาติ” เผยเหลือโครงการต้องศึกษาแค่ 11 โครงการ ยันรถไฟเร็วสูง มี ปย.ทั้งทางตรงและอ้อม ห่วงไม่ลงทุนตามหลังเพื่อนบ้าน

(กิตติรัตน์ ณ ระนอง - ชัชชาติ สิทธิพันธุ์)
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2556 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการจัดงาน “Moving Forward 2 ล้านล้าน ขับเคลื่อนไทยทัดเทียมโลก”
โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ก้าวเดินไปข้างหน้า เพื่อเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน” มีใจความว่า รัฐบาลมีความมั่นใจว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท สอดคล้องกับภารกิจ เหมาสมกับการลงทุนด้านการคมนาคมขนส่งในระยะยาว และเป็นไปตามกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ จะยึดกรอบวินัยการเงินการคลัง โดยตั้งเพดานหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ไว้ไม่ให้เกิน 50%
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า มีการตั้งคำถามว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทครั้งนี้ คือการเขียนเช็คเปล่าให้กู้เงินมานำไปทำอะไรก็ได้ ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะการนำเงินไปลงทุนโครงการต่างๆ ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน เราจะทยอยกู้เงิน ไม่ได้กู้มากองไว้ จึงไม่ต้องกังวลหากรัฐบาลมีรายได้ไม่มากเท่าที่หวังไว้ เพราะหากยังไม่กู้ หนี้ก็ยังไม่เกิด ส่วนผลที่ได้จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งนี้ นอกจากต้นทุนด้านโลจิสติกส์ต่อจีดีพีจะลดลงจาก 15% เหลือ 2% ยังจะทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจพัฒนาแบบก้าวกระโดด
“กระทรวงการคลังเชื่อว่าการกู้เงินครั้งนี้ จะรักษาวินัยการเงินการคลังได้มี ไม่มีอะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นๆ จึงคาดต่อกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่ยังดำเนินการอยู่ และอยากเชิญชวนให้มาร่วมกันจับตาการลงทุนครั้งนี้ให้โปร่งใส ปราศจากการทุจริต” นายกิตติรัตน์กล่าว
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เชื่อมภาค เชื่อมชีวิต บูรณาการทุกทิศสู่ความเจริญ” มีใจความว่า การที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะเกิดในปี 2558 เป็นทั้งโอกาสและภัยคุกคาม ซึ่งหัวใจสำคัญคือความเชื่อมโยง เป็นโอกาสเพราะไทยอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด และเป็นภัยคุกคาม เพราะหากประเทศอื่นมีโครงสร้างพื้นฐานดีกว่าไทย ต่างชาติก็จะนำสินค้าไปลงที่ประเทศนั้นๆ เพื่อนำมาส่งขายในอาเซียน ในปีที่ผ่านมา ตัวเลขการค้าเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และในอนาคตการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะกระจายออกจากศูนย์กลางของประเทศมากขึ้น แต่ปรากฏว่าโครงสร้างพื้นฐานของไทย ทั้งถนน ท่าเรือ รถไฟ และสนามบิน กลับแย่ลงทั้งหมด
“10 ปีที่ผ่านมา มองมองว่าเป็นทศวรรษที่สูญเปล่า เราเสียโอกาสไปมาก ไม่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เลย ครั้งหลังสุดที่มีก็คือสนามบินสุวรรณภูมิ จึงต้องพยายามไม่ให้อีก 10 ปีข้างหน้า สูญเปล่าอีก” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า นี่คือที่มาของร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่จะพลิกโฉมประเทศ เรื่องตัวเงิน 2 ล้านล้านไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ตนอยากให้เน้นที่เวลา 7 ปี ว่าโครงการที่ตั้งไว้ 53 โครงการ จะทำได้หรือไม่ ยืนยันโครงการใดที่จำเป็นต้องทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) ก็จะทำก่อนอนุมัติโครงการ จะไม่มีการตีเช็คเปล่า และการนำโครงการไปลงตามพื้นที่ต่างๆ ไม่ได้ดูเรื่องฐานเสียง เพราะไม่มีการสร้างถนนย่อยแม้แต่สายเดียว มีแต่ถนนหลัก เรื่องรถไฟความเร็วสูง ระหว่างที่ร่าง พ.ร.บ.อยู่ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายปฏิบัติก็ลงพื้นที่ไปสำรวจเส้นทางล่วงหน้า พร้อมกับดำเนินการทำอีไอเอและเอชไอเอ ตนยอมรับว่าโครงการต่างๆ ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลชุดนี้ เพราะเขาคิดกันมา 10-20 ปี รัฐบาลชุดนี้เพียงเข้ามาจัดลำดับความสำคัญ และหาเงินมาให้
“เมื่อสักครู่มีคนยกป้ายหน้าเวทีว่ารัฐบาลชุดนี้สร้างหนี้ 2 ล้านล้านบาท ใช่ครับ แต่ถามว่าเราจะสร้างหนี้วันนี้ หรือสร้างหนี้ในอนาคต เราเคยคิดไหมถึงต้นทุนของการไม่ทำอะไรเลยคือเท่าไร” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะใช้หลักการเดียวกับการลงทุนเมกะโปรเจ็คส์ต่างๆ ที่จ่ายด้วยเงินกู้ แล้วใช้งบแผ่นดินมาชำระเงินกู้อีกที โดยเหตุที่ไม่ใช่งบปกติ เพราะเงินมันไม่พอ และขาดความต่อเนื่อง และหัวใจสำคัญของการลงทุนครั้งนี้คือความโปร่งใส จึงอยากให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามาร่วมตรวจสอบ ส่วนที่สงสัยว่าโครงการต่างๆ มีความพร้อมหรือไม่ ขอเรียนว่าโครงการเหล่านี้คิดกันมา 20 ปี ไม่ใช่ตนคิด ทั้ง 53 โครงการ มีแค่ 11 โครงการ ที่ยังศึกษาความเป็นไปได้ไม่แล้วเสร็จ เพราะเป็นโครงการที่จะทำ ปีที่ 2 ปีที่ 3 ถามว่ารถไฟความเร็วสูงมีความคุ้มค่าหรือไม่ ตนมองถึงผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ได้มองแค่ค่าตั๋วอย่างเดียว แต่มองทั้งเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจและการกระจายความเจริญ
“เรื่องสุดท้ายที่อยากฝาก คือผมทำถนนเชื่อมโยงทั่วประเทศ ที่เราไม่ค่อยพูดถึง คือการเชื่อมโยงระหว่างกัน บางทีอาจมีอะไรกั้นระหว่างเราอยู่ เช่น ความไม่ไว้ใจกัน อคติ ผมเชื่อมถนนไปที่ไหนก็ได้ แต่บางทีอาจเชื่อมกับคนข้างๆ ไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้มาคุยกันมากขึ้น ด้วยเหตุด้วยผล ผมยินดีรับฟังความเห็นดีๆ เพราะอนาคตเป็นของพวกเราทุกคน” นายชัชชาติกล่าว.
อ่านประกอบ
“ทีดีอาร์ไอ” เผยโครงการ 2 ลล.ทำได้เลยแค่ 1 ใน 4-รถไฟเร็วสูงเกิดยาก
