พีทีที โกลบอลฯ แจ้งตลท. ทำน้ำมันรั่วกว่า 5 หมื่นลิตร รมว.ทส.รุดลงพื้นที่แก้ปัญหา
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ลงพื้นที่เกาะเสม็ด ประชุมด่วนแก้ไขปัญหา-ตรวจสอบพื้นที่คราบน้ำมันขึ้นฝั่ง ด้านผู้ว่าฯ ระยองประกาศพื้นที่อ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเลแล้ว
วันที่ 29 กรกฎาคม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงกรณีเกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบชนิดยืดหยุ่น (Flexible Hose) ขนาด 16 นิ้วรั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring)ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตรเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 06.50 น. ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ส่งผลให้มีน้ำมันดิบรั่วออกมาประมาณ 50,000 ลิตร หรือประมาณ 316 บาร์เรล
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ควบคุมสถานการณ์โดยการปิดวาล์วทันทีเพื่อไม่ให้มีการรั่วเพิ่มอีก จากนั้นได้ดำเนินการเก็บคราบน้ำมันและขจัดคราบน้ำมันในทะเลโดยการฉีดพ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมันทั้งทางเรือและทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคราบน้ำมันสลายลงเหลือประมาณ 5,000 ลิตร โดยบริษัทฯ จะยังคงดำเนินการสลายคราบน้ำมันต่อไป สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ
อนึ่ง บริษัทฯ มีประกันคุ้มครองความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์สินและธุรกิจหยุดชะงัก (Property
Damage and Business Interruption) ประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเล (Marine Cargo) และประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลที่สาม (Third Party Liability) ซึ่งในขณะนี้ บริษัทฯ และบริษัทประกันภัยอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และทีมนักวิชาการได้เดินทางลงพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ประชุมหารือการแก้ไขปัญหาและตรวจสอบพื้นที่คราบน้ำมันขึ้นฝั่ง ซึ่งตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำมันแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ มีหน้าที่สนับสนุนการคาดการณ์การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันโดยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ข้อมูลทรัพยากรชายฝั่งทะเลที่ได้รับผลกระทบ ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบแหล่งที่มาของน้ำมันที่รั่วไหล ดูแลและกำกับการใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมัน และจัดทำแผนฟื้นฟูสภาพแวดล้อม รวมทั้งให้ข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีกับผู้ก่อให้เกิดมลพิษจากน้ำมัน
ด้านนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ได้ประกาศพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมกับสั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลเพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 100 นาย มาช่วยเหลือดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน และคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วัน ในการเก็บกู้คราบน้ำมันและฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
ที่มาภาพ:ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ ๑ (จ.ระยอง)