ไทยเป็น“เมืองขึ้น”ความไม่ถูกต้อง ดร.สุรินทร์เตือนเร่ง“กู้บ้าน กู้เมือง” ก่อนตกเหวลึก !
"floor ของสังคมไทยยวบยาบเต็มที่
เราเอาความต้องการเป็นเป้าประสงค์ ทำอะไรก็ได้ ให้ได้มา
ผิดถูก โกหก คดโกง แม้แต่ฆ่าคนก็ทำ "
เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "คุณธรรมความซื่อตรง กลไกสร้างสมดุลในอาเซียน" ในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 "สร้างชาติสร้างไทย สร้างใจซื่อตรง" ซึ่งจัดโดย ศูนย์คุณธรรม(องค์การมหาชน) และองค์กรภาคี 24 องค์กร ระหว่างวันที่ 25 - 26 กรกฎาคม 2556 ณ ฮอลล์ 9 อิมแพค เมืองทองธานี
ช่วงแรก ดร.สุรินทร์ กล่าวถึงสิ่งที่เป็นห่วงโดยเฉพาะกับสังคมไทย ก็คือ ในสังคมมาตรฐาน และพฤติกรรมของคนจะมี "จุดต่ำสุด" ที่เป็น floor เช่น หากต้องการเอาชนะเรื่องอะไรก็ตามแต่ ฆ่าคนจะไม่ทำ เพราะบาป โกหกไม่ทำผิดศีล ถ้าจำเป็นต้องคอร์รัปชั่นไม่ทำ เพราะคือการโกหก แต่เวลานี้ floor ของสังคมไทยรู้สึกจะยวบยาบเต็มที่ เพราะเราหวังจะได้จุดที่เราต้องการเป็นเป้าประสงค์ ทำอะไรก็ได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น "ผิดถูก โกหก คดโกง แม้แต่ฆ่าคนก็ต้องทำเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ" ภาษาอังกฤษเรียกว่า the end justifies the means แปลได้ว่า จุดประสงค์นั้นทำให้วิธีการทุกอย่างถูกต้องชอบธรรมหมด
ดร.สุรินทร์ อธิบายคำว่า "สำนึกของสังคม" (Social Conscience) เรื่องอะไรผิด อะไรถูก จำเป็นต้องมีว่า อะไรเป็นมาตรฐานที่เป็นเครื่องชี้วัด ยังมีความดีความชั่ว ผิดถูกอยู่ พร้อมยกตัวอย่าง ต้นศตวรรษ 1970 มีหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง ชื่อ What happened to sin แปลว่า ใครเกิดขึ้นกับคำว่าบาป เพราะดูเหมือนว่า ประชากรโลกไม่มีคำว่าบาป อยู่ในตัวอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างโอเคหมด ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้หมด หากเราต้องการ หลบหนีการตรวจสอบได้ โกงเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าหากจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
"ที่สำคัญคนของเรายังให้ความเคารพชื่นชม คนได้มาซึ่งอำนาจในทางที่ผิดไปจากจริยวัตรผู้อื่น ได้มาซึ่งทรัพย์ศฤงคารในทางที่ผิด เราดูเฉพาะขณะนี้ ปัจจุบันนี้ ถ้าเขามีทรัพย์สิน อำนาจ เราก็สาธุด้วย ตรงนี้คือพื้นต่ำสุดวัดมาตรฐานของคนในสังคมไม่มีแล้ว สังคมจะอยู่ไม่ได้ เพราะฐานไม่แข็งแรง
ทุกศาสนา ทุกประชาคม ทุกองค์กร ถ้าไม่มีความมั่นคงในส่วนของพฤติกรรมที่เป็นเบสิกของสมาชิก และของคนในสังคม สังคมนั้นอยู่ไม่ได้ เพราะจะเต็มไปด้วยการต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์ กลายเป็นทุกคนต้องรบกับทุกคนเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ต้องแย่งกับคนอื่นตลอดเวลา กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย นี่คือหายนะของสังคม "
ไทยด้อยสุดเรื่องความโปร่งใส ระบบราชการไทยอ่อนแอ
ขณะที่การแข่งขันในเวทีอาเซียนนั้น อดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า แข่งขันบนพื้นฐานของความแข็งแกร่งด้านค่านิยม วัฒนธรรม พลังชุมชนของตัวเอง แต่ไทยด้อยกว่าคนอื่น เรื่องความโปร่งใส สำรวจที่ไร ด้อยกว่าคนอื่นทุกที นอกจากเราไม่มีความโปร่งใสแล้ว ก็ยังไม่มีหลักนิติธรรม (the rule of law) ที่ชัดเจน
"ความซื่อสัตย์ความซื่อตรงมีความหมายกว้างมาก เอาจริงก็คือ สัญญากับใครปฏิบัติให้ได้ มีหน้าที่อะไรปฏิบัติให้บรรลุ มีขอบเขตของกฎหมายให้อำนาจ อย่าให้เกิน อย่าแย่งคนอื่นหรือก้าวก่าย หาประโยชน์จากอำนาจที่มีอยู่
สิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุดขณะนี้ คือระบบราชการไทยอ่อนแอที่สุด เริ่มต้นจากเป็นกระดูกสันหลัง เป็นเสาหลักของประเทศ คอยกำหนดบทบาทหลายสิ่งหลายอย่างในสังคม ในอดีตระบบราชการมั่นคง ยืนหยัดเป็นหลัก แต่ 40-50 ปีหลังภาคเอกชนแข็งแกร่งขึ้นมา เช่น ธุรกิจยานยนต์ล้ำหน้าประเทศอื่นในอาเซียน กลายเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ปัจจุบันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ภาคราชการถูกบิดเบือน บิดเบี้ยว ในภารกิจ เชื่อหรือไม่ว่า นายอำเภอ 1 คน ขณะนี้จะเอาใครมา ต้องถามส.ส.ในพื้นที่ ท่านเชื่อไหมว่า ผู้นำประชาชนสามารถบอกได้ว่า ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการตำรวจ ในจังหวัดนั้นอยู่กับผม ผมเป็นคนขอ เป็นคนเอามา
ระบบราชการถูกบิดเบือน บิดเบี้ยวไปมาก ภาคเอกชนซึ่งแข็งแกร่งมาตลอด กลับถูกภาคราชการเกาะเกี่ยว และไปดึงเขาไว้ เพราะภาคราชการไม่ได้คัดสรรคนเข้ามาบนพื้นฐานของความรู้ความสามารถ ความเป็นเลิศ ประสบการณ์ ความอาวุโส มันขึ้นอยู่กับว่า มีจดหมายน้อยของใครมาแนะนำคนนั้นต้องได้รับตำแหน่ง
เราคิดว่า สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องซื่อสัตย์ สุจริต ความโปร่งใส ใช่หรือไม่ ?
ไม่เกี่ยวกับระบบคุณธรรม ความโปร่งใสใช่หรือไม่ ?
ถ้าไม่มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริตในระบบคัดสรรคนมาอยู่ในตำแหน่งที่วิกฤติที่สำคัญ มีความจำเป็น ตำแหน่งนั้น คนนั้นก็ไม่สามารถทำหน้าที่เพื่อประชาชนได้
เรามีปัญหาเรื่องปลาทูน่ากระป๋องส่งไปยุโรป มีปัญหาเรื่องคุณภาพ สารแปลกปลอม ใครจะเข้ามาช่วย อย. กรมโรงงาน กรมประมง กรมส่งเสริมการส่งออก เข้ามาช่วย หากคนเหล่านี้มาโดยจดหมายน้อย บุคคลเหล่านี้ก็จะไม่มีทักษะการเจรจาด้านการค้า ไม่มีความสามารถเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น"
ทั้งนี้ ดร.สุรินทร์ กล่าวถึงการคัดเลือกครูผู้ช่วย มาเป็นแม่พิมพ์ของชาติ แม้แต่การสรรหาก็คอร์รัปชั่น บูดเบี้ยว ไม่ตรงไปตรงมา แล้วเราจะสร้างชาติบนพื้นฐานความแข็งแกร่ง ซื่อตรง ตรงไปตรงมาได้หรือไม่
"คำตอบวันนี้ อยู่ที่พื้นฐาน อยู่ที่เด็ก ชุมชน ครู โรงเรียน เราอยู่กับความสะดวกสบายและผลพวงความสำเร็จในอดีตมานาน หลายสิ่งในประเทศนี้ล้นเหลือมาก ธรรมชาติให้ คนไทยจึงสบายไม่ดิ้นรน ไม่มีความพยายาม"
ฉะกลไกการเมืองคัดสรรคนนั่งตำแหน่ง ไร้ประสิทธิภาพ
ขณะที่การทูตยุคโลกาภิวัตน์ นั้นต้องการคนที่ลับอาวุธอยู่ตลอดเวลา ในการรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แต่ถามว่า วันนี้เราสร้างคนไปทันหรือไม่ ข้าราชการไทยออกไปสู้กับเขาได้หรือไม่
"ผมทำงาน 5 ปีที่อาเซียน นายกรัฐมนตรี 5 คน ทุกปีต้องบรรยายสรุปกันใหม่ ต้องเริ่มใหม่ และเชื่อหรือไม่ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่โต๊ะเจรจา "เงียบ" มากขึ้นๆ จนกระทั่งวันนี้"
เพราะอะไร เพราะความไม่พร้อม กลไกทางการเมือง ไม่มีประสิทธิภาพในการเลือกสรรคนมาอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ เมื่อเลือกมาแล้ว แทนที่อยู่ในกรอบของตัวเอง ก็ไปก้าวก่ายระบบราชการ
เราผลิตคนไม่ทัน เราเตรียมคนไม่ทัน เพราะความบิดเบือน บิดเบี้ยว ดังนั้นคนไทยจำเป็นต้องถามเรื่องความโปร่งใส ถามเรื่องความบริสุทธิ์ ถูกต้อง เหมาะสม เราต้องคิดกันว่าจะเอาอย่างไร
เรามีของดีอยู่เยอะในประเทศนี้ ธุรกิจรถยนต์ไม่มีใครสู้เราได้ การเกษตรไม่มีใครสู้เราได้ ข้าว "ไม่เคยมีใครเคยสู้เราได้" มูดี้ส์บอกเราขาดทุนจากจำนำข้าว กว่า 2 แสนล้าน ทั้งประเทศโกลาหลปฏิเสธตัวเลขมั่ว ไม่ครบ ไม่ชัด พอถามจริงๆ ตัวเลขคืออะไรก็บอกไม่รู้ ไม่ทราบ นี่คืออาการหนัก !
"ท่านบอกว่า สร้างชาติ สร้างไทย สร้างใจซื่อตรง อีกข้อคือ "กู้บ้าน กู้เมือง" เพราะตอนนี้ประเทศไทยเป็นเมืองขึ้นของความไม่ถูกต้อง เปรียบประเทศไทยวันนี้เหมือนฉิ่งฉับทัวร์ ขึ้นดอยผาตั้ง คิดว่าจะขึ้นตลอดไป หารู้ไหมว่าข้างหน้า คือเหวลึก
โอบามาบอกว่า มี "หน้าผาการคลัง" (fiscal cliff) อยู่ข้างหน้า ขณะที่ประธานธนาคารกลาง บอกว่ามีเหวลึกอยู่ข้างหน้า หากตกลงกันไม่ได้ หนี้ประเทศนี้ จะไปถึงจุดที่จ่ายหนี้กันไม่หมด ตลอดปีตลอดชาติ ไม่มียูเทิร์น
ส่วนหลายประเทศทั่วโลกคิดแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีบทแก้ไขอย่าให้ก่อหนี้เกินเท่านั้นเท่านี้ เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประชาชาติ
แต่ของไทยเล่นวิธีใหม่ ออกกฎหมายอนุญาตให้ "กู้" เท่าไหร่ก็ได้ มีเสียงข้างมากที่จะให้กู้ นี่คือเหวข้างหน้า fiscal cliff
ดร.สุรินทร์ กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ค่านิยมที่เปลี่ยนไป รับได้กับการคอร์รัปชั่น ค่านิยมนี้อันตรายที่สุด ค่านิยมนี้เหมือนสึนามิ ที่วิ่งมาหา และตัวท่านกำลังว่ายน้ำทวนสึนามิ ฉะนั้น เราจำเป็นต้องมีกลุ่มบุคคลมาเตือนสติสังคม ว่า สังคมต้องมีมาตรฐาน บาปบุญ มีความถูกผิด สังคมอยู่โดยที่ไม่มีมาตรฐานใดๆ ทั้งสิ้น อยู่ไม่ได้
"คนไทยไม่มีแรงอึดมากพอที่จะทนอยู่ในกรอบ ในลู่เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ขณะที่ระบบการศึกษาก็ง่ายกันเหลือเกิน ฉะนั้นประเทศอื่นเศรษฐกิจอื่น ระบบการเมืองอื่น เขาแข่งขันเรื่องความโปร่งใส สร้างค่านิยมความซื่อสัตย์ให้เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ให้ขยันหมั่นเพียร ทุ่มเท แต่ไทยมีแค่คนส่วนน้อย
เราจำเป็นต้องตั้งคำถามหนักๆ กับประเทศนี้ จะเอากันอย่างไร ระบบราชการ การคัดสรรคนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ระบบการเมือง ระบบการศึกษา จะเอากันอย่างไร อยู่ในสังคมท่ามกลางความหลากหลายจะเอากันอย่างไร ในเมื่อข้าราชการที่แต่งตั้งไปจากกรุงเทพมหานคร หันหลังให้ประชาชน หันหน้าให้ผู้แต่งตั้ง อยู่ต่างจังหวัด 3 วัน อยู่กรุงเทพ 4 วัน ประชาชนไม่มีส่วนใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส ในการปฏิบัติหน้าที่จึงไม่เกิดขึ้น"
สุดท้าย ดร.สุรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ทุกคนในประเทศนี้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟื้นประเทศนี้ สร้างประเทศนี้ และร่วมกันกอบกู้ประเทศนี้ ขณะเดียวกันก็แสดงความเป็นห่วง เราจะยูเทิร์นไม่ทัน เพราะหากค่านิยมความซื่อสัตย์ โปร่งใส ยังไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
"ผมเชื่อในความบริสุทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก คือทางรอดของประเทศ เด็กที่ยังไม่รู้จุดต่ำสุดของสังคมนี้มันยวบยาบ ให้เด็กช่วยยก เสริม เป็นเสาให้กับสังคมไทย สิ่งที่หละหลวมเด็กจะมาช่วยขันสกรูให้แน่นยิ่งขึ้น เสาต่างๆที่ผุกร่อนด้วยระบบการเมือง วัตถุนิยม การแข่งขัน เด็กจะมาช่วยเสริม ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และหวังว่า floor ที่ต่ำสุด คนไทยทั้งชาติจะไม่ลดตัวต่ำกว่านี้ มีกฎมีเกณฑ์มีความถูกต้อง มีสำนึกของสังคมร่วมกัน"