‘มูลนิธชีววิถี’ เผยสถานะระบบเกษตร-อาหารไทย...น่าเป็นห่วง
'มูลนิธิชีววิถี' เผยข้อมูลสถานะระบบเกษตร-อาหารไทยน่าห่วง ชี้รัฐทุ่มงบ 3.5 แสน ล.บ.จำนำพืชเกษตร ส่งผลพันธุ์พืช-ผักอยู่ในมือบริษัท ด้านเกษตรกรมีสารพิษในเลือด-เป็นมะเร็ง พร้อมวาดภาพอนาคตหวังชุมชน-ท้องถิ่นร่วมกำหนดทิศทางเกษตรกรรมยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิชีววิถี (Biothai) เผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบอินโฟกราฟฟิก (INFO GRAPHIC) เกี่ยวกับ 'สถานะระบบเกษตรและอาหารไทย' ที่ระบุว่า ประเทศไทยมีแรงงานอยู่ในภาคเกษตร 40% และมีประชากรอยู่ในชนบท 64% ซึ่งภาครัฐทุ่มเงินกว่า 3.5 แสนล้านบาทสำหรับการรับจำนำพืชเกษตร
สำหรับสภาพความเป็นจริงกลับพบว่า กว่า 90% ของพันธุ์พืชไร่และผักที่ตกอยู่ในมือของบริษัทเพียง 3-4 บริษัท และ 75% ของสินค้าโมเดิร์นเทรดขายอาหาร แต่กลับส่งผลในการตรวจพบสารพิษในเลือดของผู้บริโภคถึง 36% หรือกว่า 60,000 คนต่อปี ที่มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และอีก 32% ของเกษตรกรที่พบสารพิษในเลือดในระดับเสี่ยง และไม่ปกติ
รวมถึงมีเกษตรกร 60% ที่ต้องเช่าที่ดินทำกิน และกว่า 400,000 คนที่ทำเกษตรพันธะสัญญา 90% ที่เลี้ยงไก่เนื้อแบบอุตสาหกรรมโดยเกษตรกร 7,100 ราย ที่สำคัญมีเพียง 0.1% ของพื้นที่เกษตรกรรมเท่านั้นที่เป็นเกษตรอินทรีย์
และพบว่า 40% ของผักมีสารตกค้างตามมาตรฐานอียู
ขณะที่ 'ระบบเกษตรและอาหารไทยที่พึงปรารถนา' ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2033 นั้น ข้อมูลของมูลนิธิชีววิถีระบุว่า ต้องการให้ชุมชนชนบท ชุมชนเมืองและท้องถิ่นเป็นองค์กรหลักในการกำหนดนโยบายและบริหารงบประมาณการจัดการระบบเกษตรและอาหาร เพิ่มพื้นที่ชลประทานจาก 25% เป็น 80% ของพื้นที่เกษตรโดยใช้ชลประทานขนาดเล็ก และทำให้เกษตรกรทุกคนเป็นเจ้าของที่ดิน
ขยายพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืนและเกษตรกรรมอินทรีย์เป็น 50% ของพื้นที่ และให้ 50% ของพันธุ์พืชมาจากการปรับปรุงพันธุ์โดยเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและตลาดเกษตรอินทรีย์ของอาเซียนและเอเชีย จัดให้สุขภาพสิ่งแวดล้อมและความเป็นธรรม เป็นหลักการพัฒนาที่ทุกฝ่ายตระหนักและยึดถือร่วมกัน รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเกษตรกรกับภาคการผลินอื่นจาก 15 เท่าให้เหลือไม่เกิน 2 เท่า
รวมถึงสร้างให้ตลาดเกษตรกรกลายเป็นกลไกสำคัญในการกระจายอาหาร และมีระบบเตือนภัยความปลอดภัยอาหารระดับชาติ (Rapid Alert System) ที่องค์กรภาคสังคมมีบทบาทหลักกำกับ เพื่อให้อนาคตเกิด Farm in the city หรือเมืองที่ผลิตอาหารได้ 50% ของความต้องการ