ภาคปชช.ร่อนจม.ส่งถึงปธน.เกาหลีใต้ สงสัย 'เควอเตอร์' ปกปิดข้อมูล
องค์กรภาคประชาชน ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ประธานาธิปดีเกาหลีใต้ ฑูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย และประชาชนชาวเกาหลี ขอให้เปิดเผยข้อมูลและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยในโครงการบริหารจัดการน้ำ หลังเควอเตอร์ ผ่านการคัดเลือกทำฟลัดเวย์
วันที่ 7 กรกฎาคม องค์กรภาคประชาชน ประกอบด้วย สภาลุ่มน้ำท่าจีน มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา สถาบันอ้อผหญา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เครือข่ายอนุรักษ์คลองชมพู จ.พิษณุโลก กลุ่มราษฎรรักษ์ป่า ต.สะเอียบ จ.แพร่ กลุ่มตะกอนยม จ.แพร่ และเครือข่ายลุ่มน้ำขาน จ.เชียงใหม่ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ฯพณฯ ประธานาธิปดีเกาหลีใต้ เอกอัคราชฑูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย และประชาชนชาวเกาหลี ขอให้มีการเปิดเผยข้อมูลและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยในโครงการบริหารจัดการน้ำ
เนื้อหาใจความของจดหมาย มีดังนี้
กว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมานับตั้งแต่เริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 ประชาชนชาวไทยจำนวนมากต้องเดือดร้อนและเจ็บปวดจากการจัดการน้ำของรัฐ ชุมชนจำนวนมากต้องล่มสลายเมื่อมีการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำต่างๆ หรือโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมซึ่งต้องพึ่งพาน้ำเป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศและฐานทรัพยากรธรรมชาติ จึงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน การหาปลา เกษตร แหล่งรายได้ และความมั่นคงทางอาหาร ปัจจุบันผลของการสร้างเขื่อนยังเป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่ได้รับการแก้ไข และกลายเป็นปัญหาสังคมในระยะยาว
สังคมไทยได้รับความเจ็บปวดมายาวนานเนื่อจากการพัฒนาที่ผิดแนววิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม ละเลยความเดือดร้อนที่เกิดกับคนท้องถิ่น แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่เคยถูกหยิบยกมาเป็นบทเรียนสำหรับคณะผู้บริหารประเทศไทย โดยเฉพาะล่าสุดรัฐบาลไทยได้ผุดแผนโครงการบริหารและจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งภาคประชาชนไม่เคยรับรู้มาก่อน แต่กลับมีการคัดเลือกบริษัทที่รับผิดชอบเสร็จสิ้นไปแล้ว โดย 1 ในบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกครั้งนี้คือบริษัทโคเรียวอเตอแอนด์รีซอสเซส (เควอเตอร์) จากประเทศเกาหลี
คนในสังคมไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักเควอเตอร์มาก่อน มีเพียงเสียงป่าวประกาศจากรัฐบาลสู่ประชาชนถึงความเป็นมืออาชีพและมีผลงานของเควอเตอร์ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลด้านเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อปลายเดือนมิถุนายน องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากเกาหลีได้รับเชิญจากสื่อมวลชนและภาคประชาชนไทยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบโครงการในสังคมระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้บริษัทเควอเตอร์ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินชุดโครงการก่อสร้าง floodway ที่มีความยาวราว 300 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด และพื้นที่รับน้ำ (แก้มลิง) นับล้านไร่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเรื่องความโปร่งใส การป้องกันและประเมินผลกระทบตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ ของโครงการเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ขอเรียนให้ท่านทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือหน่วยงานใดที่ดำเนินโครงการลักษณะนี้ ย่อมต้องถูกตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน
แต่ภายหลังการเป็นข่าวคึกโครมด้วยข้อมูลจากผู้แทนองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกาหลี กลับมีปฎิกริยาที่ไม่สร้างสรรค์ออกมาจากเควอเตอร์ อาทิ การข่มขู่จะใช้มาตรการทางกฎหมาย แทนที่จะใช้วิธีชี้แจงข้อมูลสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะหรือสื่อมวลชน ขณะเดียวกันมีความพยายามของเควอเตอร์ในการสืบค้นหาผู้ประสานงานเชิญผู้แทนองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีด้วยรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เป็นมิตร
ความสัมพันธ์เกาหลี-ไทย ดำเนินมายาวนาน เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในสังคมไทยและสังคมเกาหลี แต่พฤติกรรมของเควอเตอร์ขณะนี้กำลังทำให้ประชาชนไทยจำนวนหนึ่งรู้สึกเคลือบแคลงสงสัย โดยเฉพาะการปกปิดข้อมูลซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่โปร่งใส ซึ่งจนถึงขณะนี้ประชาชนที่อาศัยในจังหวัดที่คาดว่าโครงการพาดผ่านกลับยังไม่ทราบข้อมูลใดๆเลย ทำให้ต่างรู้สึกหวาดวิตกว่าต้องสูญเสียที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ขณะเดียวกันทุกวันนี้สังคมไทยยังคงพึ่งพาเกษตรกรรมและกสิกรรม ซึ่งบริเวณลุ่มน้ำต่างๆยังมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของชุมชน
เราไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เควอเตอร์ได้รับการคัดเลือกครั้งนี้ แต่เรารู้สึกห่วงใยในมิตรภาพของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ที่ดำเนินความมาด้วยดีโดยตลอด เราหวังว่ารัฐบาลเกาหลีและสังคมเกาหลีจะเข้าในสถานการณ์ของประชาชนไทยออกมาปกป้องฐานทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน พร้อมทั้งร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการการส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้น