คปก.เสนอนายกฯ ทบทวน พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน อาจขัด รธน. ชี้จำกัดสิทธิ ปชช.เกินจำเป็น
คปก.เสนอความเห็น ร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ต่อนายกฯ อาจขัด รธน. ชี้จำกัดสิทธิปชช.เกินจำเป็น โครงการส่วนใหญ่ยังไม่ศึกษาผลกระทบ เสนอทำตามหลัก ใช้งบประจำปี-ให้เอกชนร่วมทุน
วันที่ 3 ก.ค. ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) เป็นประธานในการแถลงข่าว เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ร่วมด้วยคณะกรรมการ คปก.ครบชุด ร่วมแถลง โดยที่ผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และทำบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะฉบับนี้ คปก.ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
ศ.ดร.คณิต กล่าวว่า คปก.มีความเห็นว่า การกู้เงินตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว อาจเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หมวด 8 ว่าด้วย การเงิน การคลัง และงบประมาณ ในมาตรา 169 บัญญัติไว้ว่า "การจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง..."
ดังนั้น เมื่อการกู้เงินตามร่างพระราชบัญญัติที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นการกู้ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกระทรวงการคลังอันเป็นหน่วยงานของรัฐ เงินกู้จึงเป็นเงินแผ่นดิน ซึ่งในการจ่ายเงินแผ่นดินนั้นจะต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ การตราเป็นพระราชบัญญัตินอกเหนือจากวิธีการตามที่กำหนดไว้ จึงอาจเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ นอกจากอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเงิน การคลังแล้ว การที่รัฐจะตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติฉบับใดฉบับหนึ่งนั้นจำเป็นต้องพิจารณาในเรื่องการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างกฎหมายก่อนประกาศใช้ว่าเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเกินกว่าความจำเป็นหรือไม่ เพื่อควบคุมองค์กรนิติบัญญัติไม่ให้ตรากฎหมายจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจนเกินสมควร โดยกฎหมายที่ตราขึ้นนั้นต้องสอดคล้องกับหลักความพอสมควรแก่เหตุ อีกทั้งยังต้องพิจารณาถึงหลักสิทธิชุมชนและสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย
ศ.ดร.คณิต กล่าวต่อว่า ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติจะไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของฝ่ายบริหารเป็นเวลา 7 ปี การกู้เงินดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันรัฐบาลชุดต่อไปด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายบริหารด้วยกัน ทำให้รัฐบาลชุดต่อไปไม่มีอิสระในการปฏิเสธโครงการเหล่านี้หรือเสนอโครงการพัฒนาใหม่ๆได้อีก เนื่องจากโครงการทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้วจากรัฐบาลชุดก่อนหน้า
"โครงการจำนวนมากตามแผนยุทธศาสตร์แนบท้าย พ.ร.บ.ดังกล่าวยังไม่ผ่านการศึกษาความคุ้มค่าทางการเงิน และทางเศรษฐกิจ และหากโครงการดำเนินการไม่ได้หรือล่าช้า ไม่เกิดความต่อเนื่องตามระยะเวลาที่วางไว้ หรือ การเร่งรีบสรุปผลการศึกษาเพื่อให้ดำเนินการได้ทันใน 7 ปี จะทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน หรือ การจัดประเภทการลงทุนที่ไม่เหมาะสม เช่น กรณีรถไฟความเร็วสูง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมีฐานะปานกลางถึงสูง ถือเป็นการวางแผนการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า เสี่ยงต่อปัญหาทางการเงินของประเทศในอนาคต และเป็นภาระหนี้สินสะสมของภาครัฐ"
คปก.จึงมีข้อเสนอแนะ 3 ประการว่า
1.การที่รัฐจะกู้เงินจำนวนมาก โดยเป็นการกู้ในนามประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและดุลยภาพทางการเงินการคลังของประเทศ รัฐสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติรองรับไว้ ซึ่งมีความรัดกุม ลดความเสี่ยงในด้านต่างๆ โดยรัฐบาลสามารถดำเนินการในรูปแบบงบประมาณประจำปี และสามารถใช้วิธีการแสวงหาเงินทุนในรูปแบบที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นทางเลือกได้ เช่น การให้เอกชนร่วมลงทุน โดยไม่จำต้องตราเป็นพระราชบัญญัติที่นอกเหนือจากวิธีการทางงบประมาณ ซึ่งเป็นวิธีการที่เป็นไปตามวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ
2.ควรมีการศึกษาในแต่ละโครงการอย่างรอบด้านเสียก่อนและดำเนินการโครงการเฉพาะเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาดุลยภาพทางเศรษฐกิจและลดจำนวนเงินกู้ที่จะต้องเกิดขึ้น
3.การกำหนดโครงการและมาตรการต่างๆ ควรมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และควรให้ข้อมูลการดำเนินการ ผลกระทบ รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆของโครงการต่อประชาชนอย่างทั่วถึง รวมไปถึงการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเพียงพอและรอบด้าน เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ศ.ดร. คณิต กล่าวด้วยว่า จากนี้อยู่ที่รัฐบาลว่าจะรับข้อเสนอ คปก.ไปปฏิบัติหรือไม่ และเป็นหน้าที่ของประชาชนและสื่อที่จะติดตาม ตรวจสอบดูแลว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามหรือไม่ ด้วยเหตุใด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการปรับปรุง ตราและใช้กฎหมาย มักจะใช้ความรู้สึกมาตลอด จึงจึงบังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร ซึ่งการจะทำให้บ้านเมืองสงบ เรียบร้อย เข้ารูปเข้ารอย มีหลักที่ดี จากนี้จะต้องใช้วิชาการเป็นตัวกำหนด ไม่ใช่ความรู้สึก
อ่านฉบับเต็ม "บันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... "
ภาพประกอบจาก www.bangkokbiznews.com