เท 32 ล้านซ่อมถนน-ถางหญ้าสกัดบึ้มใต้ "รอมฎอน"ไม่หยุดป่วนเลิกคุยบีอาร์เอ็น?
ทีมประชาสัมพันธ์เชิงรุกปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลประเดิมแถลงใหญ่นัดแรกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เผยรัฐบาลอนุมัติงบประมาณ 32 ล้านบาทซ่อมถนน ถางหญ้า ติดไฟส่องสว่าง 13 อำเภอ หวังลดพื้นที่ก่อเหตุรุนแรงซ้ำซาก ขณะที่ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เล็งพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มอื่นแทนบีอาร์เอ็นกลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบ หากช่วงเดือนรอมฎอนยังไม่เห็นแววสงบ
ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิ.ย.2556 พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกคณะกรรมการประชาสัมพันธ์การดำเนินการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ผู้แทนจากสามเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมกำหนดแนวทางการประชาสัมพันธ์เชิงรุกในการแก้ปัญหา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ขณะนี้ได้แบ่งการทำงานเป็น 3 ด้าน คือ 1.การพัฒนา 2.การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และ 3.การอำนวยความยุติธรรม สำหรับพื้นที่ที่มีการก่อเหตุรุนแรงซ้ำซากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปตรวจสอบ โดยให้เร่งกำหนดแผนงานให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยจ้างแรงงานในพื้นที่ถางหญ้า ปรับปรุงขยายถนน พร้อมติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) และโคมไฟส่องสว่าง
ทั้งนี้ พื้นที่ที่กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนงานดำเนินการเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าว ประกอบด้วย จ.นราธิวาส มี 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.บาเจาะ อ.ระแงะ และ อ.รือเสาะ จ.ยะลา มี 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.รามัน และ อ.บันนังสตา จ.ปัตตานี มี 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.ปะนาเระ อ.โคกโพธิ์ อ.ยะหริ่ง อ.สายบุรี และ อ.ทุ่งยางแดง โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการทั้งหมด 32 ล้านบาทเศษ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิดบริเวณย่านการค้าหน้ารามฯ ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ ซึ่งไปจับกุมได้ที่ จ.นราธิวาส อาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ เพราะตั้งแต่เกิดปัญหาเมื่อปี 2547 การก่อเหตุไม่เคยขยายออกไปนอกพื้นที่ และกรุงเทพฯไม่ใช่พื้นที่ประสงค์หลักของผู้ก่อเหตุ แม้กระทั่งภาคใต้ตอนบนก็ยังไม่เคยมีการก่อเหตุ ขอให้ประชาขนสบายใจได้ และจากการตรวจสอบแฟ้มประวัติของตำรวจก็ไม่พบว่าผู้ต้องสงสัยมีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ด้วย
สมช.ลั่นเปลี่ยนกลุ่มคุยถ้ารอมฎอนยังป่วน
พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษา สมช. กล่าวถึงข้อเรียกร้อง 5 ข้อของกลุ่มบีอาร์เอ็นจากการพูดคุยสันติภาพว่า การดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่จะเห็นได้ว่าทั้ง 5 ข้อเรียกร้องอยู่นอกกรอบและเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่ไปพูดคุย จึงจำเป็นต้องนำข้อเสนอดังกล่าวกลับมาหารือก่อน ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าผู้นำคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายบีอาร์เอ็นจะส่งรายละเอียดของ 5 ข้อเรียกร้องกลับมาให้รัฐบาล โดยจะมีคณะกรรมการสรุปและรวบรวมพร้อมเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป
"แม้ในพื้นที่ยังมีการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีความเชื่อมั่นในตัวของผู้นำบีอาร์เอ็นว่าจะสามารถนำพาให้เกิดสันติสุขได้ ทว่าหากข้อเสนอที่ฝ่ายไทยยื่นให้บีอาร์เอ็นหยุดก่อเหตุช่วงเดือนรอมฎอนไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ต้องทบทวนการพูดคุย และอาจจะเปิดการพูดคุยกับกลุ่มอื่นๆ เพราะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ยังมีอีก 7-8 กลุ่ม เราไม่ได้เน้นเฉพาะตัวบุคคล เช่น นายสะแปอิง บาซอ (เชื่อว่าเป็นผู้นำจิตวิญญาณคนสำคัญ) เพราะคิดว่าเป้าหมายของทุกกลุ่มเหมือนกัน และไม่กังวลว่าจะมีปัญหาข้อเรียกร้องที่อาจเพิ่มมากขึ้น"
ส่งตร.ปฏิบัติการพิเศษประจำพื้นที่ 1 ส.ค.
ขณะที่ พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการฝึกกำลังพลของตำรวจลงไปปฏิบัติหน้าที่แทนทหารว่า ปัจจุบันกำลังพลของตำรวจมี 2 กลุ่ม ได้แก่
1.ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ รับผิดชอบด้านความมั่นคง จำนวน 1,662 นาย เป็นทหารพรานที่ปลดประจำการไปแล้ว และคัดเลือกไปฝึก 4 เดือน ปัจจุบันกำลังไปดูงานตามสถานีตำรวจภูธรในอำเภอต่างๆ ในพื้นที่ และพร้อมปฏิบัติงานในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยจะส่งมอบให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค4 สน.) ส่งต่อไปยังหน่วยเฉพาะกิจจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ต่อไป โดยจัดกำลังเป็น 38 หมวด หมวดละ 1 อำเภอ
2.บุคคลภายนอก คือผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยจะได้รับการฝึก 6 เดือน ขณะนี้บรรจุตามสถานีตำรวจในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้เพิ่มเติมในส่วนของพนักงานสอบสวนชั้นผู้ใหญ่ระดับสารวัตร จำนวน 137 อัตรา รวมทั้งครูฝึกชุดรบพิเศษ ชุดสืบสวนพิเศษ จำนวน 1,900 นายด้วย
เล็งจัดนิทรรศการดับไฟใต้ทั่วประเทศ
สำหรับทีมประชาสัมพันธ์เชิงรุกของรัฐบาล เกิดขึ้นสืบเนื่องจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือร่วมกับ 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน เพื่อบูรณาการการประชาสัมพันธ์การแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.อ.อ.สุกำพล ได้จัดประชุมไปแล้วเมื่อ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา และเน้นย้ำว่าดูแลเฉพาะงานประชาสัมพันธ์เชิงรุกเท่านั้น ส่วนงานการแก้ไขปัญหาพื้นที่ยังมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศปก.กปต.) เป็นผู้รับผิดชอบอยู่เช่นเดิม
"ผมมีแนวคิดจะจัดนิทรรศการรายงานผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นที่กรุงเทพฯ และขยายไปพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ รวมถึงจะนำแนวร่วมก่อความไม่สงบที่กลับใจ และหน่วยงานความมั่นคงด้านการพัฒนาที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่มาร่วมตอบข้อซักถามที่ยังมีความสงสัยด้วย เพราะที่ผ่านมามีเพียงแค่การนำเสนอข่าวสถานการณ์ประจำวันเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น" พล.อ.อ.สุกำพล ระบุ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ข่าวบางส่วนจากสำนักข่าวเนชั่น
หมายเหตุ : ภาพ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากแฟ้มภาพอิศรา