อดีต BRN รุ่นใหม่ ไม่มั่นใจหยุดยิงรอมฎอน
แม้การพูดคุยสันติภาพระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทย กับตัวแทนกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดยขบวนการบีอาร์เอ็นกลุ่มของ นายฮัสซัน ตอยิบ จะดำเนินมาอย่างเป็นทางการต่อเนื่องถึง 3 ครั้ง ระยะเวลานานกว่า 3 เดือนแล้ว แต่ความเป็น "ตัวจริง" ของคู่เจรจาของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะตัวนายฮัสซัน ก็ยังคงถูกตั้งคำถาม
สาเหตุประการสำคัญเป็นเพราะดีกรีความรุนแรงในพื้นที่ยังไม่ลดระดับลง แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจะให้ทัศนะว่ากรณีศึกษาจากการเจรจาสันติภาพทั่วโลกก็เป็นลักษณะ "เจรจาไปยิงไป" แต่ดูเหมือนสังคมไทยจะไม่ค่อยยอมรับเหตุผลที่ว่านี้ ทว่าให้น้ำหนักไปที่นายฮัสซันไม่ใช่ตัวจริง และไม่สามารถควบคุมสั่งการกองกำลังติดอาวุธส่วนใหญ่ในพื้นที่ได้จริงมากกว่า
ขณะเดียวกันก็มีข้อสังเกตจาก "ผู้รู้" หลายๆ คน เช่น สุนัย ผาสุก นักสิทธิมนุษยชนชื่อดังจากองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ที่ตั้งประเด็นว่า นายฮัสซันอาจมีสถานะเป็น "คนเดินสาร" ระหว่างโต๊ะเจรจากับสภาองค์กรนำของบีอาร์เอ็น หรือ ดีพีพี โดยที่เจ้าตัวไม่เคยสื่อสารว่าเป็นแกนนำขบวนการแต่ประการใด ขณะที่โอกาสของการเจรจาที่จะประสบความสำเร็จ นำไปสู่การหยุดยิงหรือลดความรุนแรงลงนั้น เป็นไปได้น้อยมาก เพราะบีอาร์เอ็นแตกตัวออกเป็นหลายกลุ่ม บางกลุ่มไม่ขึ้นแก่กัน และไม่มีใครสั่งการได้ทั้งหมด
ข้อสังเกตของ สุนัย สอดคล้องกับ "อดีตคนในขบวนการ" ที่ยอมเปิดใจพูดคุยกับ "ทีมข่าวอิศรา" ถึงอนาคตของกระบวนการพูดคุยเจรจาที่เสมือนหนึ่งเดินอยู่บนเส้นด้าย
อดีตผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งเคยเป็นสมาชิกรุ่นใหม่ของขบวนการบีอาร์เอ็น แต่ปัจจุบันวางมือแล้ว และไม่ขอเปิดเผยชื่อกับใบหน้า บอกว่า ไม่มั่นใจเลยว่าการพูดคุยสันติภาพครั้งนี้จะยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจาก
1.นายฮัสซัน ตอยิบ หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐที่อ้างว่าเป็นคนในขบวนการบีอาร์เอ็นนั้น ไม่มีความชัดเจนว่าปัจจุบันยังอยู่ในขบวนการจริงหรือเปล่า เพราะทางบีอาร์เอ็นไม่เคยมีนโยบายเจรจากับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะเจรจาภายใต้รัฐธรรมนูญไทย
"ผมเชื่อว่าในอดีตนายฮัสซันเคยอยู่ในขบวนการจริง และยังเชื่อว่าเคยเป็นระดับแกนนำของขบวนการด้วย แต่ที่ต้องตั้งคำถามถึงสถานะของนายฮัสซันในปัจจุบัน เพราะจุดยืนของขบวนการต้องการเพียงเอกราชอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีการเจรจา ยิ่งมาตกลงกับรัฐบาลไทยว่าต้องพูดคุยภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย" อดีตสมาชิกบีอาร์เอ็นรายนี้่กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากนายฮัสซันยังมีสถานะในขบวนการ ก็เป็นไปได้ว่าภายในบีอาร์เอ็นแตกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ตอนนี้ที่มีปัญหาคือฝ่ายทหาร เพราะต้องการใช้กำลังเพียงอย่างเดียว
2.ทุกครั้งไม่ว่าก่อนหรือหลังเจรจา จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในลักษณะต่อต้านการเจราจา แสดงให้เห็นว่าในพื้นที่ยังมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเจรจาอยู่มาก
ส่วนข้อเสนอของรัฐบาลไทยที่ให้ยุติการก่อเหตุรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอน (เดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม) และมีข่าวว่าทางคณะพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็นกลุ่มนายฮัสซันรับข้อเสนอนี้นั้น อดีตสมาชิกรุ่นใหม่ของบีอาร์เอ็น บอกว่า คงเป็นเรื่องยาก เพราะว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ได้รับการปลูกฝังมาว่าการทำสงครามญิฮาดในเดือนรอมฎอนถือว่าได้บุญมากเป็นสองเท่า
"เป้าหมายสูงสุดของขบวนการคือเอกราชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ และช่วงที่ผมร่วมอยู่ในขบวนการ ทางแกนนำก็บอกว่าทางกลุ่มขบวนการต้องการทำสงครามให้นานที่สุด จะได้ให้ประชาคมโลกมองว่ารัฐไทยไม่สามารถปกปองคุ้มครองชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนได้ ส่วนตอนนี้ที่เจ้าหน้าที่ตกเป็นเป้าความรุนแรงมากขึ้นก็ไม่ได้มาจากการเจรจา แต่น่าจะมาจากทางกลุ่มขบวนการเสียมวลชนไปเยอะ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนมาโจมตีเจ้าหน้าที่แทนมากกว่า"
อดีตสมาชิกบีอาร์เอ็น ยังเสนอแนะด้วยว่า การแก้ปัญหาชายแดนใต้อย่างยั่งยืนที่สุด ไม่ใช่แก้ที่ขบวนการบีอาร์เอ็น แต่ต้องแก้ที่หน่วยงานของรัฐเอง โดยต้องบูรณาการการทำงานกันให้มากกว่านี้ เพื่อให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรม ให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าสามารถอยู่กับรัฐไทยได้อย่างมีศักดิ์ศรี เท่าเทียม ยุติธรรม และมีความสุข