ไฟดับ 14 จว.ใต้ เหตุสุดวิสัย กฟผ.ไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายซื้อไฟ 13 ล.
รมว.พลังงาน แถลงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุไฟฟ้าดับพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด สรุป 3 ประเด็น ซื้อไฟมาเลเซีย 13 ล้าน กฟผ.ไม่ต้องรับภาระ กกพ.เผยมีเงินสำรองพอจ่าย ชี้ไม่กระทบค่าเอฟที
วันที่ 11 มิถุนายน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สรุปได้ 3 ประเด็นคือ ประเด็นแรก สายส่ง 500 เควี จอมบึง-บางสะพาน 2 วงจรที่ 2 ถูกปลดเพื่อบำรุงรักษาฉุกเฉิน ประเด็นที่สอง เกิดฟ้าผ่าบนสายส่ง 500 เควี จอมบึง-บางสะพาน 2 วงจรที่ 1
และประเด็นที่สาม ระบบ HVDC ที่กฟผ.รับไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเกิดขัดข้อง ทำให้ระบบไฟฟ้าของภาคใต้ถูกแยกออกจากระบบไฟฟ้าหลักของประเทศ หลังจากนั้นจึงเกิดไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดในภาคใต้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่สั้นมากเพียง 5.2 วินาที
“หลังจากเกิดเหตุการณ์ กฟผ. เริ่มทยอยนำสายส่งเชื่อมโยงระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ ทั้งระบบ 500 เควี และ 230 เควี เข้าใช้งานตามลำดับ เพื่อใช้ในการเริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้า สามารถเริ่มจ่ายไฟฟ้าให้กับสถานีไฟฟ้าแรงสูงหลังสวน จังหวัดชุมพรเป็นแห่งแรก ตั้งแต่เวลา 19.05 นาฬิกา และสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าครบทุกสถานีไฟฟ้าแรงสูงในภาคใต้ของ กฟผ. ในเวลา 20.12 นาฬิกา จากข้อเท็จจริงดังกล่าว คณะกรรมการฯจึงมีความเห็นว่า เหตุการณ์ไฟฟ้าดับในครั้งนี้เป็นเหตุสุดวิสัยซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามคู่มือปฏิบัติที่กำหนดไว้ในทุกขั้นตอนแล้ว” นายพงศ์ศักดิ์กล่าว
ด้านนายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ กล่าวว่า กรณีไฟฟ้าดับภาคใต้ กฟผ.ได้ไปซื้อไฟจากมาเลเซียมาเสริมระบบ 380 เมกะวัตต์ คิดเป็นวงเงินประมาณ 13 ล้านบาทซึ่งตามหลักการแล้วเมื่อเป็นเหตุสุดวิสัยคงจะไม่สามารถให้ กฟผ.รับภาระได้ ทั้งนี้ เมื่อคิดถึงผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ เอฟที ที่ประชาชนต้องจ่ายเพิ่ม ได้รับน้อยมากต่ำกว่า 0.1 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเบื้องต้น ทางเรกูเลเตอร์ จะนำเงินคงเหลือสะสมจากการเก็บค่าปรับจากธุรกิจไฟฟ้าต่างๆ เป็นจำนวนกว่า 1 พันล้านบาท นำมาจ่ายในจุดนี้ได้ โดยไม่เป็นภาระของประชาชน
ขณะเดียวกัน แนวโน้มค่าเอฟที งวดหน้า (ก.ย.-ต.ค.56) ก็จะปรับลดลง 4-5 สตางค์ต่อหน่วยอยู่แล้ว ดังนั้นความเสียหายในส่วนนี้จึงแทบจะไม่มีผลต่อค่าไฟ
ทั้งนี้ รมว.พลังงาน ระบุตอนท้ายด้วยว่า สำหรับมาตรการป้องกันปัญหาในระยะสั้น ให้ กฟผ.ทบทวนและฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการควบคุมระบบไฟฟ้าในสภาวะวิกฤต รวมทั้งฝึกซ้อมร่วมกับ กฟภ.อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ส่วนมาตรการป้องกันปัญหาในระยะยาว ให้ กฟผ. เร่งจัดทำโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า 500 เควี และ/หรือ 230 เควี จากภาคกลางไปยังจังหวัดภูเก็ตและสงขลา เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความสามารถส่งกำลังไฟฟ้ามากขึ้น