ภาคปชช.-มูลนิธิสืบฯ ร้องนายกฯ ค้านทีโออาร์น้ำ เล็งยื่นคำร้องป.ป.ช.พรุ่งนี้
ภาคปชช. ร่วมมูลนิธิสืบฯ เข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯ-ปลอดประสพ ทบทวนโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน ควรเป็นไปตามขั้นตอน ชี้ไม่ชอบด้วยกม. เล็งเข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.พรุ่งนี้
วันที่ 30 เมษายน นายปรเมศวร์ มินศิริ ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย Thaiflood.com ร่วมกับ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) เข้ายื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ถึง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปลอดประสพ สุรัสวดี, ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย กรณี การบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศโดยใช้เงินกู้ 3.5 แสนล้าน ซึ่งเป็นแถลงการณ์ร่วมภาคประชาชน ฉบับลงวันที่ 28 เม.ย. 56 จำนวน 3 แผ่น
เอกสารฉบับดังกล่าว ระบุว่า ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย Thaiflood.com, มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) มีความประสงค์ให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่งซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมและส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเป็นกรม ตามบทบัญญัติมาตรา 11 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ปฏิบัติหน้าที่ กรณีการบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศโดยใช้เงินกู้ 3.5 แสนล้าน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด กล่าวคือ ตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้จัดทำแผนแม่บทเพื่อการบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศ โดยใช้เงินกู้ 3.5 แสนล้าน ซึ่งปรากฏตามข่าว จะมีการลงนาม TOR ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ซึ่งจะมีผลผูกพันทางกฎหมายทันที
โดยเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติกฎหมาย เนื่องจาก
1) ขณะนี้ประชาชนโดยทั่วไปยังไม่ทราบรายละเอียดข้อมูลแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ ทั้งประเทศตามโครงการเงินกู้ฯ โดยท่านยังมิได้ชี้แจง แสดงเหตุผลให้ประชาชนได้รับทราบอย่างชัดแจ้ง
2) การดำเนินการดังกล่าว มีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพของประชาชน คุณภาพชีวิตของประชาชน อย่างรุนแรง ยังมิได้มีการประเมินผลกระทบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชนและจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งยังมิได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรอิสระนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และด้านสุขภาพ
3) การอนุมัติโครงการและการใช้เงินกู้ตามโครงการไม่เป็นไปตามวิธีการงบประมาณตามกฎหมาย
4) การดำเนินการโครงการดังกล่าวไม่เป็นการส่งเสริมการดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมเป็นสำคัญ
เนื่องจากในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาทางองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้ร่วมมือกับทางรัฐบาลตามที่นายกรัฐมนตรีร้องขอเพื่อจัดทำแผนแม่บทจนแล้วเสร็จที่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้เร็วกว่า มีประสิทธิภาพและประหยัดค่าก่องสร้างลงได้ถึง 70% แต่ไม่ได้รับการพิจารณา
5) การดำเนินการโครงการดังกล่าว ตัดสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมในการจัดการทั้งโครงการดังกล่าวมีผลกระทบต่อความสมดุลและยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชนและประเทศชาติ
ดังนั้น หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทำการแทนรัฐต้องปฏิบัติราชการเพื่อรักษาประโยชน์ของส่วนรวม ซึ่งหลักการนี้เป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญในการใช้กฎหมาย และตีความเพื่อปฏิบัติราชการทางปกครอง เพื่อรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ส่วนรวม การที่รัฐบาล หน่วยงานรัฐ หน่วยราชการ อนุมัติโครงการโดยไม่เป็นตามวิธีการขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด จะมีผลเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ โดยใช้เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติโดยเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ค. 56) เวลา 14.00 น. ทางศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย Thaiflood.com, มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) จะไปยื่นคำร้องดังกล่าวกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีกครั้งหนึ่ง