ผู้สูงอายุขอนโยบายเสริมศักยภาพ-พึ่งตนเอง ไม่เอาเงินฟรีๆ ห่วงลูกใช้หนี้แทน
ผู้สูงอายุเสนอนโยบายรับสังคมคนแก่ล้นเมือง เน้นยุทธศาสตร์พึ่งตนเอง เสริมศักยภาพให้ช่วยขับเคลื่อนศก.-สังคมได้ แนะไม่ควรเป็นเงินกู้ให้ฟรีๆ ห่วงลูกหลานต้องใช้หนี้แทน
13 เมษายน นอกจากเป็นวันสงกรานต์แล้ว เรายังถือวันนี้ เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมของงบประมาณเกือบ 3,000 ล้านบาท เพื่อวางนโยบายฝึกผู้สูงอายุในหลายด้าน เช่น สร้างเสริมอาชีพ เพื่อให้ผู้สูงอายุดูแลตนเองได้ และพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ โดยเบื้องต้นให้มีการจัดอาสาสมัครประจำแต่ละศูนย์ และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนประกอบอาชีพ รวมถึงมีกองทุนการออมฯ
สำนักข่าวอิศรา สอบถามความเห็นประชาชนถึงนโยบายที่ผู้สูงอายุอยากได้ และเห็นว่ามีความจำเป็น ศ.วิเชียร ตันตระเสนีย์ ประธานชมรมคลังปัญญาผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร และผู้สูงอายุดีเด่น ด้านการถ่ายทอดภูมิปัญญา ด้านภาษายาวี อายุ 75 ปี กล่าวว่า นโยบายเพื่อผู้สูงอายุ จะต้องเป็นนโยบายที่สร้างยุทธศาสตร์ให้ผู้สูงอายุพึ่งตนเองได้มากยิ่งขึ้น และเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยเริ่มต้นที่สร้างความเข้มแข็ง และสร้างศักยภาพให้ผู้สูงอายุ ที่เป็นผู้มีภูมิปัญญาและเป็นคลังสมองของชาติ ให้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ สังคมส่วนรวมและประเทศชาติได้
การส่งเสริมผู้สูงอายุควรมีนโยบายในด้านต่างๆ เช่น 1.ด้านอาชีพ สนับสนุนผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถให้พัฒนาศักยภาพ เพื่อถ่ายทอดแก่สังคม ทั้งด้านดนตรี ภาษาและวัฒนธรรมอาเซียน รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาตลอดชีพ ตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ เพื่อฝึกอาชีพให้สามารถหารายได้ด้วยตนเอง
2.ด้านสุขภาพ เสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี อบรม แนะนำวิธีออกกำลังกายและเลือกอาหารการกินที่เหมาะสม การตรวจรักษาสุขภาพต้องให้ความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ โดยบูรณการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณะ และมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทย์ ให้มีสิทธิพิเศษไม่ต้องรอคิว รวมถึงดูแลสิทธิด้านต่างๆ เช่น การเดินทาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ
3.ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อผู้สูงอายุ ให้กินดีอยู่ดี อยู่อย่างสมศักดิ์ศรี เพิ่มเบี้ยยังชีพ และสวัสดิการให้ผู้สูงอายุ เนื่องจากปัจจุบันไม่เพียงพอในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ ขยายเวลาเกษียณอายุราชการให้ยาวออกไปอีกถึงอายุ 65 ปี เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถทำประโยชน์แก่สังคมได้มากขึ้น
ทั้งนี้ เห็นด้วยที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะมีงบประมาณเพื่อสร้างเสริมอาชีพให้ผู้สูงอายุ ว่าเป็นไปในทางที่ถูกต้อง ที่ พม.ตื่นตัวรองรับสังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย หรือสิงคโปร์ ที่ส่งเสริมผู้สูงอายุให้มีส่วนในการขับเคลื่อนประเทศชาติมากกว่าแค่เป็นฝ่ายพึ่งพิง แต่ในส่วนที่จะให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุ เพื่อนำไปเป็นทุนประกอบอาชีพนั้น การให้เงินทุนสนับสนุนเบื้องต้น น่าจะเหมาะสมกว่าการกู้ยืม
ขณะที่นางธัญญลักษณ์ ผู้สูงอายุ ซึ่งมาใช้บริการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งกล่าวว่า อยากให้ทางรัฐบาลพัฒนานโยบาย "ทางด่วนผู้สูงอายุ 70ปี ไม่มีคิว" ของกระทรวงสาธารณสุข ให้มีความมีมาตรฐานมากขึ้น เนื่องจาก โรงพยาบาลบางแห่งยังไม่มีการให้บริการในส่วนนโยบายดังกล่าว และอยากให้ปรับปรุงมารยาทและการปฏิบัติของบุคลากรในโรงพยาบาลให้มีความเป็นไมตรีมากกว่านี้ รวมถึงปรับเปลี่ยนการให้บริการของโรงพยาบาลอีกหลายแห่งให้มีความรวดเร็วมากขึ้น เพื่อความสะดวกสบายของผู้สูงอายุทุกคน
ด้านนางเจริญ กิจราษฎร์ อายุ 76 ปี กล่าวว่า นโยบายเพื่อผู้สูงอายุในขณะนี้นับว่าดีขึ้นจากสมัยก่อนมาก ทั้งสวัสดิการต่างๆ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุและการเอื้อความสะดวกแก่ผู้สูงอายุในการรักษาพยาบาล สำหรับนโยบายเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุเห็นว่าจำเป็นต้องควรมีการส่งเสริมให้พัฒนาศักยภาพให้สามารถช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด ทั้งนี้ ไม่ควรเป็นนโยบายที่ให้อะไรฟรีๆ โดยไม่ต้องเหนื่อยหรือลงแรง ผู้สูงอายุอยากช่วยตนเองให้ได้มากที่สุด มากกว่าที่จะกู้ยืมแล้วต้องให้ลูกหลานมาใช้หนี้แทน