นัจมุดดีน : พูดคุยแล้วระเบิดไม่ดัง...มันเป็นไปได้ยาก
เหตุคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงถล่มบ้านของ นายนัจมุดดีน อูมา ถึง 2 ครั้งซ้อนๆ ในห้วงเวลา 2 คืนที่ผ่านมา ทำให้ชื่อของนักการเมืองชื่อดังเมืองนราฯคนนี้ถูกพูดถึงอีกครั้ง และบทบาทของเขาก็ถูกฉายส่องโดยสปอตไลท์ หลังจากเก็บตัวเงียบมานาน
แม้เจ้าตัวจะออกตัวว่ายังไม่ฟันธงเกี่ยวกับสาเหตุที่ถูกปองร้ายว่าเกี่ยวข้องกับการผลักดันกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่กับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นหรือไม่ แต่นัยยะจากคำพูดของเขาก็ชัดเจนว่าให้น้ำหนักกับเรื่องนี้มากที่สุด
และคนวงในก็รู้ดีว่า เขาในฐานะนักการเมืองกลุ่มวาดะห์มีบทบาทในทางปิดไม่น้อยในการเดินเกม "พูดคุยสันติภาพ" ทั้งในปี 2556 นี้ และปี 2555 ที่ผ่านมา
ต้องไม่ลืมว่าปีที่แล้วเขาก็ถูกคนร้ายยิงถล่มบ้านในช่วงที่มีข่าวลือหนาหูว่า "ใครบางคน" ไปเปิดวงพูดจากับแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่แล้วเรื่องก็เงียบหายไปเพราะเสียงคาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ สงขลา กับ อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อ 31 มี.ค.2555 กัมปนาทยิ่งกว่า
กระทั่งก่อนหน้าการลงนามริเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับ นายฮัสซัน ตอยิบ ที่อ้างตัวว่าเป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น เมื่อ 28 ก.พ.2556 เขาและสมาชิกกลุ่มวาดะห์รวม 9 คนก็เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็น "ที่ปรึกษา" ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานภาคใต้ผ่านบทบาทผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปก.กปต. แบบสดๆ ร้อนๆ
เขาคิดอย่างไรกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่เต็มไปด้วยเสียงปืน เสียงระเบิด กับอนาคตที่ยังมองไม่เห็น...
คำตอบของ "คนวงใน" อย่างนัจมุดดีน ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้ผ่านเลย!
O สาเหตุที่ถูกยิงถล่มบ้านเพราะบทบาททางการเมืองที่ไปเป็นที่ปรึกษาให้รองนายกฯเฉลิมหรือเปล่า?
ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะที่ปรึกษามีตั้ง 9 คน ไม่ใช่ผมคนเดียว ส่วนปัญหาส่วนตัวผมไม่มีแน่นอน ความขัดแย้งทางการเมืองไม่มีอยู่แล้ว มันจึงยังไม่แน่ชัดว่ามีสาเหตุจากอะไร
งานที่กำลังร้อนๆ อยู่ก็คืองานพูดคุยสันติภาพ พุดคุยตามนโยบายสภาความมั่นคงแห่งชาติ เราถือว่าพี่น้องประชาชนเสียชีวิตมาเกือบๆ 5 พันคนแล้ว มีคนบาดเจ็บอีกเป็นหมื่นคน เป็นการชี้ให้เห็นว่าการแก้ปัญหาโดยใช้กำลังคงไม่ประสบความสำเร็จ ต้องแก้ด้วยการพูดคุยเท่านั้น
O มองการพูดคุยสันติภาพระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทยกับแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นอย่างไร?
การพูดคุยสันติภาพนั้น ก่อนจะนำไปสู่การพูดคุย ต่างฝ่ายต้องเชื่อมั่นกันก่อน ถ้าฝ่ายบีอาร์เอ็นไม่เชื่อมั่นเขาจะมาคุยทำไม การสร้างความเชื่อมั่นทั้ง ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) ฝ่ายปกครอง รวมถึงทุกๆ ฝ่ายในพื้นที่ก็พยายามร่วมกันสร้างจนนำไปสู่การพูดคุย แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ใจร้อนกันไปหน่อย ต้องการเห็นภาพในลักษณะว่า เมื่อเริ่มต้นพูดคุยแล้วทุกอย่างต้องจบทันที เสียงระเบิดต้องไม่ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมาก
เมื่อวันก่อน (ก่อนถูกคนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่มบ้านเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย.ต่อเนื่องวันจันทร์ที่ 8 เม.ย.) ผมไปเยี่ยมลูกสาวที่มาเลเซีย ก็มีโอกาสเจอกับคนที่ทำเรื่องสันติภาพของรัฐบาลมาเลเซียซึ่งไปทำกระบวนการสันติภาพในมินดาเนา (ฟิลิปปินส์) เขาไปอยู่ปีกว่า ข่าวสารไม่รู้เลย เขาเดินไปพบคนทุกกลุ่ม เขาคุยเรื่อยๆ กับทุกกลุ่ม เสียงปืนก็ดังขึ้น มีระเบิด สู้รบกันไป ไม่มีปัญหาอะไร คนฟิลิปปินส์ไม่ได้ใจร้อนแบบคนไทย สุดท้ายจึงนำไปสู่การเซ็นสัญญาบนโต๊ะที่ทางรัฐบาลมาเลเซียไปเป็นคนกลาง
การพูดคุยสันติภาพของเราเพิ่งเริ่มมา 2 เดือนกว่า จะให้เสียงปืนเสียงระเบิดสงบเลยคงเป็นไปได้ยาก เพราะการสั่งการของขบวนการมันไม่ได้เป็นเอกภาพเหมือนกับรัฐบาล มันไม่ได้เป็นเอกภาพเหมือนกองทัพบก มันต้องสื่อความหมายลงไป กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ไม่ยอมรับการนำที่อยู่นอกกรอบถามว่ามีไหม...มีครับ ตรงนี้คือจุดที่กลุ่มผู้พูดคุยต้องรอบคอบ ที่สื่อมวลชนชอบถามกันว่า คนที่ไปคุยด้วยนี่ถูกตัวไหม ผมเรียนยืนยันว่าถูกต้อง ถูกตัวแน่นอน แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุม ซึ่งจะต้องทำงานหนักต่อไป
O กองกำลังติดอาวุธที่ไม่ยอมรับการนำที่อยู่นอกกรอบหรืออยู่นอกการควบคุมตามที่พูดถึงนั้น รัฐควรดำเนินการอย่างไร?
สำหรีบกลุ่มนี้รัฐก็ต้องเข้าหา ต้องใช้มาตรการทางการปกครองด้วย เช่น นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องไปเสริมภารกิจของ กอ.รมน. ไปเสริมภารกิจของตำรวจ เพราะผมพูดตลอดเวลาว่าถ้าตราบใดที่การนำของผู้ใหญ่บ้านไม่เต็มร้อย หรือว่าไม่มีกำลังใจที่ดีพอ มันก็จะไปใช้งานเขาอย่างสะดวกใจมากนักไม่ได้ วันนี้ผมก็เชื่อมั่นว่าขวัญและกำลังใจของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านดีกว่าเดิม เพราะได้รับการดูแลจากผู้ที่เกี่ยวข้องดีกว่าเดิม และเชื่อว่านับจากนี้ไปรัฐบาลจะต้องเสริมบทบาทให้มากขึ้นกว่าเดิม
ผมได้บอกได้แนะนำผ่านท่านรองฯเฉลิมว่า ให้เสริมภารกิจกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้มากกว่าเดิม ภารกิจในการเอ็กซเรย์พื้นที่เพื่อเดินหน้าการพูดคุยต่อไป อย่าไปมอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นนักปราบ เพราะกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องอยู่เป็นหลักให้คนทุกฝ่ายกล้าเข้าไปหา
ผมเคยบอกผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านว่า บทบาทของนายอำเภอ ถ้าให้ไปไล่จับคนร้ายผมว่าผิดบทบาท เพราะนายอำเภอควรจะเป็นต้องเป็นหลักให้คนทุกกลุ่มกล้าไปหา ทั้งคนดีและคนไม่ดี ส่วนบทบาทในการจับกุมคนร้ายคือตำรวจ บทบาทในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่คือทหาร ที่นี้นายอำเภอก็มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นแขนขาที่จะดูแลเอ็กซเรย์พื้นที่ ที่จะเป็นแหล่งข่าวให้กับฝ่ายอื่นๆ ต่อไป แต่ถ้ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านไม่มีกำลังใจเต็มร้อยก็ลำบาก
ถ้ารัฐระแวงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเมื่อไหร่ โอกาสที่จะไปควานหาของจริงในพื้นที่คงยาก นายอำเภอจะต้องสามารถกุมหัวใจกำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้ จะต้องใช้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นแขนขาให้ได้ ถ้านายอำเภอท่านใดใช้งานกำนัน ผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ ต้องมาดูกันว่า นายอำเภอท่านนั้นมีปัญหาตรงไหน แต่ผมเชื่อว่านายอำเภอส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาหรอก
O มองความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และสถิติเหตุรุนแรงตลอดเดือน มี.ค.ที่พุ่งสูง เป็นการดิสเครดิตกระบวนการพูดคุยสันติภาพหรือไม?
ผมมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวนะ เพราะว่าส่วนหนึ่งก็ว่ากันไป แต่ส่วนผู้ก่อเหตุอาจจะเป็นคนละกลุ่มก็ได้ เราก็อย่าเอาไปรวมกันตรงนี้ เพราะต้องยอมรับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีหลายกลุ่ม และการพูดคุย 2 ครั้งที่ผ่านมาคิดว่าครั้งที่ 3 ที่ 4 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเพิ่มคนมากขึ้นกว่าเดิม เรื่องจะเพิ่มใครบ้างคงเป็นเรื่องของ สมช.แต่เชื่อว่าอย่างนั้น (หมายถึงเชื่อว่าจะมีตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาพูดคุยเพิ่มขึ้น)
O การพูดคุยเจรจารอบต่อไปน่าจะมีประเด็นอะไรเพิ่มเติมไหม?
ควรจะถามกลุ่มที่เราไปพูดคุยครั้งที่ 1 และ 2 ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นในวันนี้น่ะ ท่านพอจะช่วยแนะนำอะไรได้บ้างไหม เพื่อจะให้มันเบาบางลง โดยเฉพาะการเกิดเหตุรายวัน ซึ่งบางทีผู้ที่เราไปพูดคุยด้วยอาจจะตอบไม่ได้เต็มร้อยก็ได้ แต่อย่างน้อยก็จะเป็นหลักในการที่เราจะเดินหน้าการพูดคุยสันติภาพต่อไป
O คิดว่าประชาชนเห็นด้วยกับการพูดคุยสันติภาพแค่ไหน?
ประชาชนทั่วไปผมมั่นใจว่า 80 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยกับการพูดคุยสันติภาพ แต่วันนี้รัฐกำลังคุยกับกลุ่มก่อความไม่สงบ เราก็ต้องให้กลุ่มก่อความไม่สงบเห็นด้วยกับแนวทางนี้ด้วย เพื่อจะได้สะท้อนถึงประชาชนต่อไป ผมมองว่าในเมื่อวันนี้ประชาชนเห็นด้วยแล้ว กลุ่มอื่นๆ ก็น่าจะไม่ยากที่จะเห็นด้วย