คอลัมน์ ในวงเล็บ : ปรองดองหัวหาย

(วัฒนา เมืองสุข - เจริญ จรรย์โกมล)
จู่ๆ ข่าวสารเรื่องการตั้ง “วงปรองดอง” โดยมี “เจริญ จรรย์โกมล” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็น “หัวหอก” ก็หล่นหายไปจากหน้าสื่อ เมื่อ “พลพรรคเพื่อไทย” เข็น “วาระอื่น” แทรกคิวเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
พร้อมๆ กับการหายหน้าของ “ผู้ร่วมวง” ทุกขั้ว-ทุกสี
จนเกิดเสียงซุบซิบแซด “อาคารโอเอไอ-ที่ทำการพรรคเพื่อไทย” ว่าเรื่องนี้มีอาถรรพ์ คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่เคยสำเร็จ เพราะนอกจากจะเกิดเหตุ “วงแตก” ทุกครั้งแล้ว บรรดา “หัวหอก” ที่ออกมาผลักดัน “วาระปรองดอง” ยังกลายสภาพเป็นคน “หัวหาย” ต้องตายเดี่ยวทุกคน
ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดหนีไม่พ้น “วัฒนา เมืองสุข” ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผู้อาสาเป็น “โปรโมเตอร์ปรองดอง” จับมือกับ “พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน” ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ชงสภาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ เมื่อปลายปี 2554
จากนั้นในเดือนพฤษภาคม 2555 ว่ากันว่ามีการตั้ง “วงสุมหัว 3 คน” ก่อนสอด “ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ” เข้าสภา ชนิดที่เพื่อนร่วมพรรคยังงงไม่หาย แต่ไม่มีใครกล้าขัดเพราะ “วัฒนา” อ้างเป็นบัญชา “คนดูไบ”
แต่สุดท้ายร่างกฎหมายปรองดองก็ถึงคราวดับ เมื่อเกิดแรงต้านจาก “ม็อบฟ้า” ในสภา และ “ม็อบเหลือง” นอกสภา จนประธานสภา ต้องสั่งเลื่อนการพิจารณาออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ซ้ำยังลากเอา “ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291” ให้ตายตกไปตามกันด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เดินมาไกลถึงขั้นสภาผ่านวาระ 2 แต่มิอาจเดินหน้าโหวตวาระ 3 ได้
นับแต่นั้นไม่มีใครเห็น “วัฒนา” ย่างกายเข้าพรรค และไม่มีใครหน้าอื่นในเพื่อไทยลุกขึ้นมาตั้ง “วงปรองดอง” อีก
จนกระทั่ง “เจริญ” เปิดตัวหราทางหน้าสื่อ ขอเป็น “โปรโมเตอร์ปรองดอง” คนใหม่ ลากทุกสีทุกฝ่ายขึ้นสังเวียนเคลียร์ใจ ทว่ากว่าจะรับงานนี้ได้ มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเขาต้องเดินสายพบปะแกนนำเพื่อไทยหลายคน เพื่อเคลียร์ข้อหา “สมรู้ร่วมคิด-ทำพรรคเสียการใหญ่”
เนื่องจาก “เจริญ” คนนี้ดันอยู่ร่วม “วงสุมหัว 3 คน” เข็นร่าง พ.ร.บ. ปรองดองเข้าสภาเมื่อปี 2555
ในวันนั้น “3 นักกฎหมาย” ปิดห้องรองประธานสภาในอาคารรัฐสภา 1 ถกเครียดเป็นชั่วโมง ไล่ตีความทุกตัวอักษรในทุกบรรทัดว่ามีได้-มีเสีย ตรงตามเจตนารมณ์ “คนดูไบ” หรือไม่
คนหนึ่งมีดีกรีเป็น “อดีตผู้พิพากษา” นาม “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
อีก 2 คนมีดีกรีเป็น “อดีตทนายความ” คือ “เจริญ” กับ “วัฒนา”
ข้อเท็จจริงในระหว่างการถกเถียงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ นอกจาก “3 หัวร่วมห้อง” ทว่าชุดข้อมูลเก่าที่ถูก “เจริญ” นำมาเล่าใหม่หลังเวลาผ่านไป 1 ปี เน้นหนักในช่วงที่ “ทนาย” ปะทะคารมกับ “ทนาย”
“คุณดูข้อกฎหมายดีแล้วหรือ เท่าที่ผมดู ผมว่าท่านไม่ได้เงินคืนนะ ถ้าคุณไปพูดอะไรไว้ ระวังจะไม่เป็นไปตามนั้นนะ”
ถือเป็นการจงใจแสดงตนว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่ “หัวหอกดัน” แต่เป็น “หัวหอกต้าน” ไม่ได้มีเจตนาทำพรรคพัง แต่ยับยั้งแล้วเขาไม่เชื่อ
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจหากการตั้ง “วงปรองดอง” รอบใหม่ที่มี “เจริญ” เป็นหัวหอก จะไม่มี “อดีตผู้ร่วมวง” เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีกระทั่งการพาดพิงถึง “ร่างกฎหมายเก่าค้างสภา” ที่ช่วยกันดู-ช่วยกันแก้ไขมา
อย่างไรก็ตามล่าสุดในการอภิปราย “ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ” วาระ 1 ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “วัฒนา” ได้กลับมา ปรากฏตัว-ปรากฏเสียงกลางสภาอีกครั้ง โดยประกาศขอลงชื่อเป็นคนแรก นำแก้มาตรา 309 เป็นคิวต่อไป หากการแก้ไขมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคลุล่วง และยังเดินสายให้ความเห็นในรายการทีวีอีกด้วย
ไม่มีใครรู้แน่ว่า “วัฒนา” ได้รับการชุบชีพที่ฮ่องกง หรือดูไบ แต่ที่แน่ๆ เขากำลังส่งสัญญาณทวงบทบาท “หัวหอก” ในขณะที่ “เจริญ” ห่างหายไปจากหน้าสื่อ
ตราบที่ “เงิน” และ “บ้าน” ยังเป็นวาระสำคัญของ “นายใหญ่” วาระนิรโทษกรรมในคราบปรองดองจำต้องดำเนินต่อไป และคงได้เห็นคนเพื่อไทยเปิด “ศึกชิงหัว” กันอีกหลายยก
แม้รู้ว่าเสี่ยงต่อการ “หัวหาย” หรือเสี่ยงตายแล้วไม่ฟื้นก็ตาม!!!
-----
ชวนอ่านเรื่องเก่า
